ไม่เดียวดายอีกแล้ว! หลังสภาทนายความฯ ยื่นมือช่วยเหลือ อดีตเซลล์ขายรถยนต์หรูถูกปลอมแปลงเอกสารไปกรรมการบริษัทนำเข้ารถหรู ใช่เลี่ยงภาษีแทนเสี่ยคนดังที่ขับรถหรูชนบนทางด่วน  กระทั่งศาลยกฟ้อง เจ้าตัวยืนยันเอาเรื่องถึงที่สุด

ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความฯ พร้อมด้วย นายสงคราม สกุลพราหมณ์ อุปนายก ฝ่ายบริหาร นายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการสภาทนายความฯ นายวีรศักดิ์ โชติวานิช อุปนายกฝ่ายเทคโนโลยีและ สารสนเทศ  นายสมพร ดำพริก อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทาง กฎหมาย และนายสุชาติ ชมกุล อุปนายกฝ่ายกิจการพิเศษ ร่วมแถลงข่าว กรณีเซลล์ขายรถยนต์หรู ขอความช่วยเหลือ ทางกฎหมาย เนื่องจากโดนปลอมแปลงเอกสารจนถูกจับดำเนินคดีอาญา ข้อหาหลบเลี่ยงภาษีสรรพากร

นายกสภาทนายความฯ กล่าวว่า ผู้เสียหาย เคยทำงานเป็นเซลล์ให้กับรถยนต์นำเข้ากับบริษัทแห่งหนึ่ง เริ่มทำงานตั้งแต่ ปี 2552 ทำงานมาประมาณ 3 ปี โดยมอบ สำเนาบัตรประชาชน,สำเนาทะเบียนบ้าน, วุฒิการศึกษา โดยเซ็นสำเนาถูกต้องไว้ด้านล่างเอกสารทุก แผ่น แต่ไม่ได้เขียนคาดข้อความไว้กับรูป และในช่วงรับเงินเดือนจากบริษัทต้องถ่ายสำเนาบัตรประชาชน ให้ไว้ทุกครั้ง

ต่อมาผู้เสียหายถูกนำเอกสารราชการดังกล่าวไปใช้ในนามกรรมการบริษัทนำเข้ารถหรู จากนั้นใช้ชื่อผู้เสียหายเซ็นปิดงบที่จะนำไปยื่นภาษีให้กรมสรรพากร ต่อมากรมสรรพากรตรวจสอบ พบบริษัทที่นำชื่อของผู้เสียหายไปแอบอ้างแล้วแจ้งรายได้อันเป็นเท็จ ทำให้รัฐเสียรายได้จากการเก็บภาษี จนกระทั่งถูกดำเนินคดีในชั้นศาล ต่อมา วันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องผู้เสียหาย เนื่องจากพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังมีข้อสงสัยตามสมควรให้ยกฟ้อง

ด้าน นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า ผู้เสียหายยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับบริษัทดังกล่าว รวมทั้ง กรรมการบริษัทคนเก่าที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทและมีหุ้นในบริษัทมาก่อนเลย ทางสภาทนายความฯ เตรียมจะพาผู้เสียหายไปร้องทุกข์กับตำรวจเพื่อให้หาตัวผู้กระทำผิดที่แท้จริง เพราะก่อนหน้านี้ผู้เสียหายได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันแล้วแต่พนักงานสอบสวนเพียงแต่ลงบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐานเท่านั้น ไม่ได้ลงประจำวันเพื่อดำเนินคดี

โดยสภาทนายความฯจะมอบหมายให้ นายสมพร อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายเป็นพาไปร้องทุกข์  อย่างไรก็ตามบริษัทที่นำชื่อผู้เสียหายไปใช้จะต้องเป็นผู้ต้องหา ซึ่งกรรมการบริษัทคนเก่าที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทนั้น เมื่อเร็วๆนี้เคยตกเป็นข่าวดังขับรถหรูชนบนทางด่วน.

ขณะที่ ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนสู้คดีมา 2ปี รู้สึกเครียดมาก เพราะโดนฟ้องอยู่คนเดียว แต่มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ตอนแรกจะไม่เอาเรื่อง แต่คนรอบข้างแนะนำ จึงขอใช้สิทธิ์ฟ้องเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตนเองและครอบครัว แม้จะกังวลเพราะอีกฝ่ายเป็นผู้มีอิทธพล แต่ก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด.