สินมั่นคงประกันภัยได้ไปต่อ! ศาลล้มละลายฯให้ฟื้นฟูกิจการ จากปมโควิด “เจอ-จ่าย-จบ”

ศาลล้มละลายกลาง มีคำสั่งรับฟื้นฟู บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) จากพิษโควิด เจอ-จ่าย-จบ หลังก่อนหน้านี้ 3,068 ผู้เอาประกันภัยโควิดยื่นคำคัดค้าน

วันที่ 20 ต.ค.2565 ที่ศาลล้มละลายกลาง ศาลมีคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ ฟฟ9/2565 ที่ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ลูกหนี้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมีเจ้าหนี้ผู้คัดค้านมาฟังคำสั่งศาลประมาณ 25ราย

โดยศาลมีคำสั่งสรุปว่า ทางการไต่สวนได้ความจริงว่า ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวและเป็นหนี้เจ้าหนี้หลายคนรวมกันเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าสิบล้านบาท กิจการของลูกหนี้ยังมีรายได้ กรณียังมีช่องทาง และมีเหตุอันสมควร และลูกหนี้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการโดยสุจริต ทั้งไม่ปรากฏว่าลูกหนี้ขาดคุณสมบัติ การเป็นผู้ทำแผน จึงมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ลูกหนี้ และตั้งบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ลูกหนี้ เป็นผู้ทำแผน

อนึ่ง เจ้าหนี้ ซึ่งมูลหนี้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กองฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ กรมบังคับคดี ภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ประกาศคำสั่งลงในราชกิจจานุเบกษา โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แจ้งกำหนดลงประกาศคำสั่งในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 20 ธ.ค.2565 โดยมีช่องทางในการยื่นคำขอรับชำระหนี้ ดังนี้ 1.ยื่นคำขอรับชำระหนี้ออนไลน์ทางเว็บไซต์กรมบังคับคดี www.led.go.th 2.ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กองฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ กรมบังคับคดี หรือสำนักงานบังคับคดีทั่วประเทศ และ 3.ยื่นคำขอรับชำระหนี้ผ่านบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ หรือสำนักงานสาขาทั่วประเทศ ทั้งนี้ ขอให้เจ้าหนี้ติดตามความคืบหน้าของคดีและรายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ กรมบังคับคดี www.led.go.th

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ศาลล้มละลายกลางได้นัดพิจารณาคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ ของบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีเจ้าหนี้ผู้เอาประกันภัยโควิด เจอ-จ่าย-จบ ยื่นคำคัดค้านจำนวน 3,068 ราย ซึ่งในวันพิจารณา มีผู้คัดค้านมาศาลประมาณ 150 ราย ซึ่งศาลจัดพื้นที่ให้ร่วมรับฟังการพิจารณาคดีบริเวณลานอเนกประสงค์ชั้น 2 โดยถ่ายทอดภาพและเสียงการพิจารณาไปบริเวณดังกล่าว และให้ผู้คัดค้านส่งตัวแทนเข้าร่วม ดำเนินกระบวนพิจารณาในห้องพิจารณา โดยมีการ ขอสืบพยาน ผู้ร้อง 2 ปาก ฝ่ายผู้คัดค้านขอสืบพยาน 7 ปาก จนศาลมีคำสั่งในวันนี้.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password