ช่างไฟตึก สตง.ถล่ม! เข้าให้ข้อมูล DSI ถูกเบี้ยวค่าจ้าง 3.7 ลบ. – พรุ่งนี้ (9) เข้าให้ปากคำที่ สน.บางซื่อ

“ช่างเบิร์ด” ผู้รับเหมาถูกบริษัทเบี้ยวค่าจ้างทำระบบไฟตึก สตง. เดินทางพบ “ดีเอสไอ” ให้ข้อมูลการรับงาน ชี้เตรียมให้ปากคำ สน.บางซื่อ เพิ่มเติม เผย! พรุ่งนี้เจ้าตัวพร้อมเข้าให้ปากคำ สน.บางซื้อ ปมถูกเบี้ยงค่าเงิน 3.7 ล้านบาท ส่วนตกบ่าย 2 บริษัทเจ้าปัญหา ขอนัดเคลียร์หลังตกเป็นข่าวฉาวแล้ว
จากกรณี หัวหน้าผู้รับเหมาช่วงก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ ผู้รับเหมากว่า 10 คน รวมตัวกันเดินทางไปที่จุดเกิดเหตุเพื่อพูดคุยไกล่เกลี่ยกับ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท 9PK ซึ่งเป็นบริษัทซับคอนแทค ที่ค้างค่าจ้างผู้รับเหมารวมกว่า 10 ล้านบาท ตามเสนอข่าวไป นั้น
ล่าสุด เมื่อช่วงสายวันนี้ (8 เม.ย.2568) ที่ สำนักงานรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชั้น 8 อาคารบี ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ, นายฐิติพงษ์ โพธิพรหม หรือ “ช่างเบิร์ด” หัวหน้าวางระบบไฟฟ้าของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หลังเชิญมาให้ปากคำเรื่อง ถูกเบี้ยวเงินค่าจ้าง 3.7 ล้านบาท จากบริษัท 9PK ซึ่งอาจเกี่ยวข้องในคดีตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 (นอมินี) โดยรับเป็นคดีพิเศษที่ 32/2568
“ช่างเบิร์ด” เปิดเผยหลังเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่นานกว่า 3 ชั่วโมง ว่า พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้เชิญตนเข้ามาให้ปากคำ เพื่อสอบถามว่า รู้จักบุคคลใดบ้างของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท 9PK รวมไปถึงบุคคลอื่นๆ ด้วย เชื่อว่าเจ้าหน้าที่เรียกซักถามเพื่อรวบรวมรายชื่อหานอมินีของบริษัทดังกล่าว เพราะทางดีเอสไอรับทำเป็นคดีพิเศษแล้ว
ทั้งนี้ บริษัทของตนได้รับการว่าจ้างจากบริษัท 9PK ในช่วงต้นปี 2567 และได้เริ่มเข้าดูแลเรื่องระบบไฟ ตั้งแต่ชั้นใต้ดินไปจนถึงชั้นที่ 30 ของ สตง. ส่วนการขอเบิกค่างวดแต่ละครั้งเพื่อนำเงินมาซื้อวัสดุอุปกรณ์หรือค่าจ้าง บริษัท 9PK จะให้เงินไม่เต็มกับค่างวดที่ขอเบิกไปทุกงวด และติดค้างเงินตนเป็นเงินจำนวน 3.7 ล้านบาท ทำให้การเงินของตนติดขัดต้องหาเงินด้วยการเอาทรัพย์สินส่วนตัวไปจำนองเพื่อสำรองเอามาจ่ายจนเป็นหนี้สิน
“ช่างเบิร์ด” ยังกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาเคยทวงถามผ่าน “บริษัทคู่สัญญากิจการร่วมค้า” ถึงการเบิกเงินค่างวด (เปย์เม้นท์) ถึง 22 ครั้งแต่ก็ไม่เคยได้รับเงินเต็มจำนวนจากบริษัท 9PK เลย โดยทุกครั้งจะได้ค่างวดเพียงบางส่วน เช่น ขอเบิก 5 แสนจะได้เพียง 2 แสนบาทเท่านั้น หรือไม่ถึงครึ่งของจำนวนเงิน ตนจึงพาลูกน้องกลับจากไซต์งานและไม่รับทำในช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนั้น เมื่อทวงถามก็ไม่เคยได้รับเงินจากบริษัท 9PK เลยและมีข้ออ้างทุกครั้ง จนตนรับไม่ได้ออกมาประท้วงเมื่อช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา จนมากลายเป็นประเด็นดังกล่าว
โดย ช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ (9 เม.ย. 68) ตนจะเดินทางไปยัง สน.บางซื่อ เพื่อเข้าให้ปากคำในคดีที่ตนถูกเบี้ยวเงินค่าจ้างตามที่กำหนด และในช่วงบ่าย บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 และ บริษัท 9PK ยังได้นัดตนไปเจรจาเรื่องเงินที่ติดค้างอยู่ประมาณ 3.7 ล้านบาทไม่รวมภาษี หน้าสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน จตุจักร โดยหวังว่า จะได้รับเงินทั้งหมดมาเป็นเงินก้อนเพื่อไปปลดหนี้ที่ได้นำทรัพย์สมบัติไปจำนองไว้ โดยไม่หวังเงินค่าเสียหายเพิ่มเติม
ด้าน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และในฐานะ “โฆษกดีเอสไอ” กล่าวเสริมว่า ดีเอสไอรับคดีนอมินีเป็นคดีพิเศษก่อน ซึ่งหลังจากที่ทำการสืบสวนสอบสวนหากทราบว่า สตง. มีเค้าโครงว่าการแข่งขันราคาไม่เป็นธรรม ก็จะนำเข้าสู่เรื่องการฮั้วประมูล รวมไปถึงวัสดุสิ่งก่อสร้างต่างๆ ว่าได้คุณภาพหรือไม่ เป็นเรื่องผลิตภัณฑ์มาตรฐานอุตสาหกรรม โดยทั้ง 2 เรื่องดังกล่าว ทางดีเอสไอมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่จะรับเป็นคดีพิเศษได้อยู่แล้ว แต่ทุกอย่างจะต้องเพียบพร้อมโดยเฉพาะข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวข้อง.