จนมุม! ป.ป.ท. นำจับ ‘นิติกรสาว’ ประกันสังคม ฐานยักยอกเงิน 10 ล.

ป.ป.ท. ผนึก บก. ป.ป.ป. ลากคอ “นิติกรสาว” อดีตพนักงานประกันสังคม คดีปลอมแปลงเอกสารราชการ พ่วงยักยอกเงินกองทุนประกันสังคม 10 ล้านบาทเศษ ขึ้นศาลดำเนินคดี ชี้! เป็นความผิดส่วนตัวไม่เกี่ยวต้นสังกัด

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568, ภายใต้การอำนวยการของ นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (เลขาธิการ ป.ป.ท.) นายเอกชัย เกษมสุขธวัช รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. และ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. ประสานความร่วมมือกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. นำโดย พ.ต.ท.สุรเชษฐ์ เดชะพันธ์ รอง ผกก.2.บก.ปปป. ติดตามจับกุม ผู้ต้องหาหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ที่ 6/2565 ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 ในความผิดฐาน…

“เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น”

สืบเนื่องจาก เมื่อระหว่างเดือนธันวาคม 2550 ถึงเดือนกันยายน 2557 ครั้ง ผู้ต้องหาตามหมายจับ มีตำแหน่งเป็น เจ้าพนักงานประกันสังคม ตำแหน่งนิติกร (พนักงานชั้นสูง) สังกัดสำนักงานประกันสังคม กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 3 กระทรวงแรงงาน ได้มีพฤติการณ์กระทำการ ปลอมเอกสารราชการเพื่อทำให้ผู้อื่นเชื่อว่าตนมีตำแหน่งหรือหน้าที่ในการชำระเงินสมทบกองทุนประกันสังคม ทำการยักยอกเงินกองทุนประกันสังคม เป็นเหตุให้สำนักงานประกันสังคมได้รับความเสียหาย รวมจำนวน 10,085,300.50 บาท ต่อมา คณะกรรมการ ป.ป.ท. มีมติชี้มูลความผิด แต่ผู้ต้องหาไม่ไปพบพนักงานอัยการเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลตามกำหนดนัด พนักงานสอบสวนจึงออกหมายจับผู้ต้องหาเพื่อนำผู้ต้องหาฟ้องคดีต่อศาล

ทั้งนี้ จากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีไปทำงานที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง ย่านถนนพระราม 9 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. จึงประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปปป. และทำการจับกุม เพื่อดำเนินคดีการตามกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด และความผิดดังกล่าว เกิดจากการกระทำส่วนบุคคลไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานต้นสังกัด.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password