นายกฯสั่งการได้ผล! กรมศุลฯจับสินค้าผิด กม.เพิ่ม 25% – ‘จุลพันธ์’ ไม่หวั่น ‘สินค้าจีนทะลัก – กองทัพมดลอบขนน้ำมันขายเมียนมา’
“จุลพันธ์” เชื่อ! สินค้าจีนยังไม่ทะลัก หลังโดนพิษกำแพงภาษีของ “ปธน.ทรัมป์” ชี้! หากหลุดเข้ามาเยอะ ไม่กระทบไทยมากนัก เหตุดีมานด์ของคนไทยยังมีเท่าเดิม ลั่น! พร้อมดูแลพรมแดนเพื่อนบ้านทุกด้าน สกัดการเติมพลังให้แก๊งคอนเซ็นเตอร์ข้ามชาติ ไม่หวั่น “กองทัพมด” ลอบขนน้ำมันส่งเมียนมา หลังโดนห้ามส่งออกน้ำมัน มั่นใจ! หากมีก็ไม่เยอะ กระทั่งมีนัยสำคัญ เผย! 4 เดือนแรก ปีงบประมาณ 2568 กรมศุลกากร จับสินค้าผิดกฎหมายแล้วนับพันเคสท์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 780 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนถึง 25%
กรณีที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะขึ้นภาษีกับประเทศที่ได้เปรียบการค้าแบบไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการลักลอบนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานคุณภาพและสินค้าที่ไม่เสียภาษีเพิ่มมากขึ้น นั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากร จะตรวจเข้มการลักลอบนำเข้าในสินค้าในกลุ่มนี้ แต่จะไม่เจาะจงว่าเป็นสินค้าจากประเทศใด เพราะการบังคับใช้กฎหมายจะต้องทำกับทุกสินค้าจากทุกประเทศให้เหมือนกัน สำหรับสินค้าจากจีนที่อาจได้รับผลกระทบจากนโยบายของสหรัฐฯนั้น ส่วนตัวเชื่อว่าปริมาณความต้องการใช้สินค้าของคนไทยยังคงมีเท่าเดิม หากจะมีการลักลอบนำเข้ามาเพิ่มขึ้น ก็ไม่เท่าทำให้ความต้องการของไทยเพิ่มมากไปกว่าเดิมแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงาน รวมถึงกระทรวงการคลัง เพิ่มมาตรการสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและส่งออกสินค้าผิดกฎหมายที่ส่งผลต่อสุขภาพและความปลอดภัยของคนไทย รวมถึงอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างจริงจังอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ กระทรวงการคลัง โดย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและรมว.คลัง ได้สั่งการให้กรมศุลกากร เพิ่มความเข้มงวด และ อธิบดีกรมศุลกากรเอง ก็ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มการเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าและส่งออกสินค้าผิดกฎหมายทุกช่องทาง รวมถึงให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดแล้ว
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในรอบ 4 เดือนของปีงบประมาณ 2568 (ต.ค.2567 – ม.ค.2568) กรมศุลกากรสามารถจับกุมสินค้าผิดกฎหมายรวมมูลค่ากว่า 780 บาท แยกเป็น 1.บุหรี่ต่างประเทศ ที่สามารถจับกุมได้พื้นที่ศุลกากรต่างๆ ทั่วประเทศ 667 คดี ปริมาณ 17.39 ล้านมวน มูลค่า 90.32 ล้านบาท, 2.บุหรี่ไฟฟ้า จับกุมได้รวม 234 คดี มูลค่า 28.95 ล้านบาท, 3.ยาเสพติด จับกุมได้ 85 คดี มูลค่า 637.10 ล้านบาท 4.กัญชาและช่อดอกกัญชา จับกุมได้ 361 คดี มูลค่า 24.75 ล้านบาท 5.ของอุปโภคที่ไม่ผ่านพิธีการศุลกากร (หนีภาษี) อาทิ โลชั่นบำรุงผิว ทิชชูเปียก จำนวน 3 แสนชิ้น มูลค่า 7 ล้านบาท กระดาษเช็ดหน้าจำนวน 223,440 ชิ้น มูลค่า 167,203 ล้านบาท ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในจีน แต่ระบุว่าเป็นสินค้า Made in Thailand ซึ่งเป็นการสำแดงเท็จ และอาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในเรื่องคุณภาพสินค้าได้ 6.ขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก จับกุมได้ 19 คดี น้ำหนัก 256.64 ตัน และ 8 คดี น้ำหนัก 367.20 ตัน ตามลำดับ และ 7.เครื่องเล่นเกมส์ (ตู้คีบตุ๊กตา) จับกุมได้ในครั้งแรก 132 ตู้ มูลค่า 16 ล้านบาท และครั้งหลัง 48 ตู้ มูลค่า 480,000 บาท
“ผลการจับกุมสินค้าผิดกฎหมายของกรมศุลกากรในรอบ 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 พบว่า มียอดเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 25% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี และรองนายกฯและรมว.คลัง ที่กำชับให้กรมศุลกากรเพิ่มมาตรการสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและส่งออกสินค้าผิดกฎหมายอย่างจริงจังอยู่แล้ว” รมช.คลัง ย้ำ
ส่วนกรณีที่ ทางการไทยได้ประกาศตัดไฟฟ้า สัญญาณอินเตอร์เน็ต รวมถึงห้ามส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปไปยังบริเวณชายแดนประเทศเมียนมารวม 5 จุด ตั้งแต่เมื่อช่วงสายวันที่ 5 ก.พ.2568 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะข้อกังวลว่าอาจจะเกิดการลักลอบขนน้ำมันสำเร็จในรูปแบบของ “กองทัพมด” นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า การลักลอบขนน้ำมันสำเร็จในลักษณะดังกล่าว แม้ 2 ประเทศจะมี “พรมแดนธรรมชาติ” เป็นระยะทางที่ยาวมาก แต่การจะแอบลักลอบขนในลักษณะ “กองทัพมด” ก็ทำได้ไม่ง่าย กรมศุลกากรเองก็มีการเฝ้าระหว่างและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น กรมสรรพสามิต หรือหน่วยงานด้านความมั่นคงอย่างเข้มงวดอยู่ก่อนแล้ว อย่างไรก็ตาม หากจะมีการแอบลักลอบขนน้ำมันสำเร็จรูปออกไปได้บ้าง แต่เชื่อว่าจะไม่มากพอจนส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญอย่างแน่นอน
สำหรับ กระแสข่าวที่ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ได้ย้ายที่ตั้งสำนักงานจากชายแดนประเทศเมียนมา ไปยังชายแดนประเทศกัมพูชา โดยใช้ไทยเป็นฐานในการจัดหาไฟฟ้า สัญญาณอินเตอร์เน็ต และน้ำมันสำเร็จรูป นั้น รมช.คลัง ระบุว่า เรื่องนี้ กระทรวงการคลังและกรมศุลกากร พร้อมจะดูแลและบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในบริเวณชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างจริงจัง ซึ่งนอกจากทางฝั่งประเทศเมียนมา ยังรวมถึงฝั่งกัมพูชาและบริเวณอื่นๆ ต่อไป
อนึ่ง เมื่อช่วงสายวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 นายจุลพันธ์ เป็นประธานในการแถลงข่าว “กรมศุลกากรแถลงผลการจับกุมสินค้าผิดกฎหมายในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 มูลค่ากว่า 780 ล้านบาท” ร่วมด้วย นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) นายพลนชชา จักรเพ็ชร ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี นางนันท์ฐิตา ศิริคุปต์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร นางกิจจาลักษณ์ ศรีนุชศาสตร์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร นายยุทธนา พูลพิพัฒน์ รองอธิบดีกรมศุลกากร และ นายดิเรก คชารักษ์ รองอธิบดีกรมศุลกากร ณ ห้องโถง อาคาร 1 กรมศุลกากร.
.