บสย. หนุนค้ำประกันฯ แฟรนไชส์ ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ ดัน ‘New Gen – ผู้สูงวัย’ สู่เจ้าของธุรกิจหน้าใหม่
เอสเอ็มอีหน้าใหม่และผู้สูงวัย ได้เฮ! หลัง “บสย. – PTG” เซ็นเอ็มโอยูหนุนค้ำประกันสินเชื่อให้คนที่ต้องการเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ “ร้านกาแฟพันธุ์ไทย” ด้าน “สิทธิกร ดิเรกสุนทร” ตั้งเป้าช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อไม่น้อยกว่า 2,000 ราย ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท เผย! 2 ปีแรก รัฐบาลออกค่าธรรมเนียมให้ผ่านโครงการ PGS 11 ขณะที่ “พิทักษ์ รัชกิจประการ” เชื่อ! ผู้ร่วมธุรกิจคืนทุนได้ในเวลาอันสั้น 3 เดือน หลังยอดขายเพิ่มขึ้นตลอด 3 ปีมากกว่า 30%
วันที่ 24 มิถุนายน 2567 ณ อาคาร CW Tower บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน), ได้มีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ระหว่าง บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) โดย นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป และ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG โดย นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนในการให้ความรู้ และพัฒนาศักยภาพด้านการดำเนินธุรกิจให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการรายใหม่/New Gen ที่ต้องการเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ร้านกาแฟพันธุ์ไทย รวมถึงแฟรนไชส์ อื่น ๆ ภายใต้เครือ พีทีจี เอ็นเนอยี
นายสิทธิกร กล่าวว่า บสย. เล็งเห็นความสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านกลไกการค้ำประกันสินเชื่อ สร้างผู้ประกอบการรายใหม่ สนับสนุนการสร้างงานสร้างอาชีพ ซึ่งจากความร่วมมือในครั้งนี้ บสย. จะให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการลงทุนเป็นเจ้าของ “ร้านกาแฟพันธุ์ไทย” ผ่านรูปแบบแฟรนไชส์ ตลอดจนการลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์อื่นๆ ภายใต้ พีทีจี เอ็นเนอยี ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ผ่านกลไกค้ำประกันจาก บสย.
จากความร่วมมือในครั้งนี้ บสย. มุ่งสร้างผู้ประกอบการใหม่ ผ่านการลงทุนในรูปแบบแฟรนไชส์ และต่อยอดธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไป โดยจะเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการเงินลงทุนเริ่มต้นธุรกิจผ่านรูปแบบแฟรนไชส์ ซึ่งปัจจุบัน งบลงทุนร้านแฟรนไชส์กาแฟพันธุ์ไทยต่อสาขา เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.5-2 ล้านบาท รวมถึงต่อยอดธุรกิจให้กับเจ้าของแฟรนไชส์รายเดิมที่ต้องการขยายสาขาเพิ่มเติม ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS ระยะที่ 11 (บสย. SMEs ยั่งยืน) ซึ่ง ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 ภายใต้กรอบวงเงิน 50,000 ล้านบาท คาดว่าภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ จะสามารถช่วยผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้กว่า 2,000 ราย ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบไม่น้อยกว่า 4,000 ล้านบาท และยังเป็นการรักษาการจ้างงานกว่า 8,000 ตำแหน่ง
“นอกจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในกลุ่มผู้ประกอบการรายใหม่ (New Gen) แล้ว บสย.ยังจะค้ำประกันเงินกู้ให้กับกลุ่มผู้สูงวัยที่สนใจจะร่วมธุรกิจกับแฟรนไชส์กับทางพีทีจี เอ็นเนอยี อีกด้วย ซึ่งผู้ที่ใช้บริการค้ำประกันเงินกู้กับทาง บสย. จะได้รับการสนับสนุนค่าธรรมเนียมจากภาครัฐตามโครงการ PGS11 ใน 2 ปีแรก ส่วนปีที่ 3-10 บสย.จะคิดค่าธรรมเนียม 1.75% ต่อปี ทั้งนี้ เพื่อให้ในช่วงแรกของการดำเนินธุรกิจผู้ประกอบการได้มีรายได้ และสภาพคล่องที่เพียงพอ สามารถไปต่อได้ง่ายขึ้น” กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. ระบุ
นอกจากนี้ บสย. และพีทีจี เอ็นเนอยี จะเดินหน้าแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ต่าง ๆ เพื่อเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs ในการดำเนินธุรกิจ และการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดย บสย.พร้อม ให้คำปรึกษาเพื่อติดอาวุธให้ SMEs ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ผ่านศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs ของ บสย. เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน อีกทั้ง บสย. ยังเพิ่มความสะดวกให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้ามาตรวจสุขภาพทางการเงิน พร้อมจองคิวขอรับคำปรึกษาทางการเงิน ฟรี! ได้ที่ LINE OA TCG First: @tcgfirst
ด้าน นายพิทักษ์ กล่าวว่า แคมเปญที่บริษัทฯจัดส่วนลดค่าเครื่องดื่มร้อยละ 50 จะไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการรายใหม่ เพราะบริษัทฯรับภาระในส่วนนี้ ในทางกลับกันจะเป็นผลดีเนื่องจากจะมีผู้เข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญผ่านแคมเปญดังกล่าว ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของยอดขายเครื่องดื่มภายในร้านฯในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีการขยายตัวมากถึงร้อยละ 30 และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ได้อีก ซึ่งนั่นอาจทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่ สามารถจะคืนทุนได้ภายใน 2-3 เดือนแรก
สำหรับสัดส่วนจำนวนสาขาระหว่างสาขาของบริษัทกับแฟรนไชส์ พบว่า ปัจจุบันเป็นไปในสัดส่วน 80:20 แต่หลังจากที่ บสย.เข้ามาค้ำประกันเงินกู้ให้แล้ว เชื่อว่าสัดส่วนดังกล่าวจะขยับเป็น 60:40 ในอนาคตอันใกล้ โดยคาดว่าภายในปีนี้ จำนวนสาขาจะเพิ่มขึ้นอีกราว 400-500 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณกว่า 800 แห่ง และคาดว่าภายในปี 2570 จะมีสาขารวมกันไม่น้อยกว่า 4,000 -5,000 สาขาทั่วประเทศ
อนึ่ง กาแฟพันธุ์ไทย เป็นหนึ่งในธุรกิจ Non-Oil ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ผู้ให้บริการสถานีน้ำมันพีที ที่มีจำนวนสาขากว่า 2,200 สาขาทั่วประเทศ.