ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.01 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”

นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS เผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.01 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.15 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  34.01 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.15 บาทต่อดอลลาร์ โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (แกว่งตัวในช่วง 34.00-34.19 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ และการพลิกกลับมาอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ท่ามกลางภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด หลังบริษัทจดทะเบียนในฝั่งสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ต่างรายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาด

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่ออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ถูกกดดันโดยการปรับตัวลดลงของหุ้นเทคฯ ใหญ่ ทั้ง Alphabet -1.4%, Microsoft -1.2% จากรายงานว่า Apple กำลังพัฒนา AI เพื่อมาแข่งกับ ChatGPT ของทาง Microsoft และ Bard ของ Google (Alphabet) ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาดเพียง +0.24%

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวขึ้นต่อ +0.26% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นในฝั่งตลาดหุ้นอังกฤษ (ดัชนี FTSE100 อังกฤษ พุ่งขึ้น +1.8%) หลังอัตราเงินเฟ้ออังกฤษชะลอลงมากกว่าคาด ทำให้ตลาดต่างคาดหวังว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ไม่มากนัก อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังคงถูกกดดันโดยการปรับตัวลงของบรรดาหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม (LVMH -1.0%, Dior -0.6%) ตามความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน

ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ระยะยาวเคลื่อนไหวผันผวน โดยในช่วงแรกบอนด์ยีลด์ระยะยาวย่อตัวลงบ้าง หลังตลาดปรับลดคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของ BOE ตามรายงานอัตราเงินเฟ้ออังกฤษล่าสุดที่ชะลอลงกว่าคาด (เดิมตลาดมอง BOE อาจขึ้นดอกเบี้ยจนแตะระดับ 6.50% แต่ล่าสุด ตลาดมองเพียง 5.75%-6.00%) อย่างไรก็ดี บรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม ได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ระยะยาวปรับตัวขึ้นได้บ้าง โดยบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 3.75% (แกว่งตัวในกรอบ 3.70%-3.80% ในช่วงวันก่อนหน้า)

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามการอ่อนค่าลงของเงินปอนด์ (GBP) จากรายงานอัตราเงินเฟ้ออังกฤษที่ชะลอลงกว่าคาด ก่อนที่เงินดอลลาร์จะย่อตัวลงบ้าง ท่ามกลางภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ส่งผลให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) เคลื่อนไหวใกล้ระดับ 100.2 จุด (กรอบการเคลื่อนไหว 100.2-100.4 จุด ในช่วงคืนที่ผ่านมา) ในส่วนของราคาทองคำ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม และการเคลื่อนไหวในกรอบของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทำให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 1,980 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นบางส่วนอาจยังคงทยอยขายทำกำไรทองคำและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในคืนที่ผ่านมา

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) นอกจากนี้ ตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด ซึ่งปัจจัยดังกล่าวก็จะมีผลต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้ในช่วงนี้

และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจรวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนดังกล่าว เรามองว่า ควรติดตามสถานการณ์การเมืองไทย หลังล่าสุดการโหวตเลือกนายกฯ อาจยืดเยื้อและยังมีความไม่แน่นอนอยู่พอสมควร ซึ่งภาพดังกล่าวก็อาจกระทบต่อมุมมองของนักลงทุนต่างชาติต่อการลงทุนในสินทรัพย์ไทยได้

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทอาจเริ่มชะลอลงบ้าง หลังเงินดอลลาร์เริ่มรีบาวด์แข็งค่าขึ้นได้บ้าง ขณะเดียวกัน ปัจจัยการเมืองในประเทศก็มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น ซึ่งอาจกระทบต่อทิศทางฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติได้ โดยมีโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติอาจเลือกขายทำกำไรสถานะถือครองหุ้นไทย/Futures ออกมาก่อนได้ โดยเฉพาะในจังหวะที่ดัชนีหุ้นใหญ่ อย่าง SET50 เริ่มชะลอการปรับตัวขึ้นและอาจติดโซนแนวต้านในระยะสั้นได้

นอกจากนี้ เรายังคงเห็นแรงซื้อของบรรดาผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะผู้นำเข้ากลับเข้ามาบ้าง โดยเฉพาะในช่วงโซน 33.90-34.00 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ช่วงดังกล่าวอาจยังพอเป็นแนวรับได้บ้าง แต่หากเงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นหลุดโซนดังกล่าว เรามองว่า แนวรับถัดไปก็ไม่น่าจะต่ำกว่าระดับ 33.80 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนแนวต้านเงินบาทในช่วงนี้ อาจอยู่ในโซน 34.20 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าจะเห็นปัจจัยเสี่ยงเข้ามากดดันให้เงินบาทอ่อนค่าชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยการเมืองในประเทศ หรือ ปัจจัยภายนอก อย่าง ทิศทางของเงินดอลลาร์ (ซึ่งปัจจุบัน เงินดอลลาร์ก็ยังไม่ได้กลับตัวเป็นขาขึ้นชัดเจนอีกครั้ง)

เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและบรรยากาศในตลาดการเงินที่อาจพลิกไปมาในช่วงรับรู้รายงานผลประกอบการ ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.85-34.15 บาท/ดอลลาร์.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password