คมนาคมขีดเส้น เม.ย.นี้ สนบ.ตรัง พร้อมเปิดให้บริการทั้งระบบรองรับเป็นสนบ.นานาชาติ

“มนพร” ย้ำ เมษายน นี้ สนามบินตรัง พร้อมเปิดให้บริการทั้งหมดภายในปี 2568 เร่งผลักดันให้เป็นสนามบินนานาชาติ รองรับการขยายตัวเที่ยวบิน – นักท่องเที่ยว

นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ลงพื้นที่จังหวัดตรัง เพื่อติดตามการดำเนินงานท่าอากาศยานตรัง กรมท่าอากาศยาน (ทย.) การให้บริการควบคุมจราจรทางอากาศของบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ณ ท่าอากาศยานตรัง และตรวจติดตามการดำเนินงาน พร้อมรับฟังปัญหาอุปสรรคจากผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว ณ ท่าเรือปากเมง เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568
นางมนพร กล่าวว่า ได้เร่งรัดให้ ทย. ขอใบรับรองสนามบินสาธารณะของท่าอากาศยานตรังให้แล้วเสร็จภายในปี 2568 เพื่อผลักดันให้เป็นสนามบินนานาชาติในระยะต่อไป เนื่องจากท่าอากาศยานตรังเป็นท่าอากาศยานศุลกากรที่มีศักยภาพสูงที่จะเปิดเที่ยวบินข้ามภูมิภาค สามารถดึงสายการบินระหว่างประเทศเข้ามาเปิดเส้นทางบินได้ ประกอบกับจังหวัดตรังมีทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่ดี มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง การพัฒนาท่าอากาศยานตรังเพื่อเตรียมการรองรับการขยายตัวของนักท่องเที่ยว โดยจากสถิติพบว่า ในปี 2567 ท่าอากาศยานตรัง มีเที่ยวบินทั้งหมด 3,626 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 คิดเป็น 17.5% มีผู้โดยสาร 559,752 คน เพิ่มขึ้น 18.7% ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมอบให้ ทย. ดำเนินการโครงการพัฒนาท่าอากาศยานตรัง ได้แก่…

1.โครงการก่อสร้างเสริมความแข็งแรงทางวิ่ง สร้างทางขับและลานจอดอากาศยาน พร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน ให้สามารถรองรับอากาศยานขนาด 180 ที่นั่งได้ 12 ลำในเวลาเดียวกัน หรืออากาศยานขนาด 350 ที่นั่ง 4 ลำ และอากาศยานขนาด 180 ที่นั่ง 4 ลำ ในเวลาเดียวกัน และมีทางขับอากาศยานใหม่เพิ่มขึ้น 3 เส้น ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขอเปิดใช้ลานจอดอากาศยาน
2.งานก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 1,200 คน/ชั่วโมง หรือ 3.4 ล้านคน/ปี จากปัจจุบันที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 600 คน/ชั่วโมง หรือ 1.7 ล้านคน/ปี ผลงาน 98.34% โดยให้ ทย. ประกาศคัดเลือกหาผู้รับจ้างรายใหม่ภายในไตรมาสที่ 2 พร้อมกับเปิดใช้งานผู้โดยสารภายในประเทศภายในเดือนเมษายน 2568 และให้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568
3.งานก่อสร้างต่อเติมความยาวทางวิ่ง พร้อมระบบไฟฟ้าสนามบินและองค์ประกอบอื่น ๆ โดยต่อเติมความยาวทางวิ่ง จาก 45 x 2,100 เมตร เป็นขนาด 45 x 2,990 เมตร

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ ทย. จัดพื้นที่บริการผู้โดยสารให้คล่องตัว มีความสะดวกรวดเร็ว บริเวณจุด Check in การลำเลียงกระเป๋า ความสะอาดภายในท่าอากาศยาน รวมถึงให้จัดเตรียมพื้นที่และจัดระเบียบบริการขนส่งสาธารณะภายในท่าอากาศยานให้ไม่ติดขัด กำหนดจุดจอดรับ – ส่ง และเวลาในการจอดให้ชัดเจน พร้อมจัดเตรียมรถโดยสารสาธารณะให้เพียงพอกับผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วน เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะอย่างไร้รอยต่อ รวมถึงการจัดกิจกรรมภายในท่าอากาศยาน ตามแนวคิด “สนามบินมีชีวิต” เพื่อประชาสัมพันธ์จุดเด่นการท่องเที่ยวและการสร้างอัตลักษณ์ของจังหวัด ซึ่งการพัฒนาท่าอากาศยานไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อภาคการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานให้เติบโต อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้รับการส่งเสริมให้ขยายตัวมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการสร้างงานในหลากหลายสาขา เช่น การโรงแรม การบริการ การขนส่ง เป็นต้น

นางมนพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนงานด้านการจัดการจราจรทางอากาศของ บวท. ได้มอบให้ บวท. และ ทย. เร่งแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องในการดำเนินงานร่วมกับท่าอากาศยานตรัง แก้ไขปัญหาต้นไม้สูงบริเวณแนวร่อนทางวิ่ง 08 เนื่องจากบดบังสัญญาณ Glide Slope ของระบบช่วยการเดินอากาศ ILS/DME จนไม่สามารถให้สัญญาณมุมร่อนได้ถูกต้อง จึงทำให้ บวท. จำเป็นต้องออกประกาศข่าว NOTAM เพื่อปิดการใช้งาน โดยให้ บวท. ติดตามการแก้ไขปัญหานี้อย่างใกล้ชิดกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และท่าอากาศยานตรัง โดย บวท. ให้บริการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานตรัง เฉลี่ย 10 เที่ยวบินต่อวัน มีสายการบินพาณิชย์ในประเทศ ได้แก่ ไทยแอร์เอเชีย นกแอร์ ไทยไลอ้อนแอร์ GA & Private Flight หน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ ตำรวจ ทหาร กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

ทั้งนี้ ได้กำชับให้ บวท. เร่งรัดการดำเนินงาน แผนพัฒนาบุคลากรและโครงการสำคัญเพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาคให้แล้วเสร็จตามแผน ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม ATC ภายในปี 2568 โครงการจัดหา Digital Remote Tower ณ สนามบินหาดใหญ่ ตรัง นราธิวาส ภายในปี 2570 พร้อมเน้นย้ำเรื่องการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกำกับดูแล เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมาย และเป็นกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ มุ่งสู่การเป็นฮับการบินตามนโยบายของรัฐบาล

ภายหลังตรวจราชการท่าอากาศยานตรัง และ บวท. รมช.คมนาคม ยังได้เดินทางไปตรวจติดตามการดำเนินงานและรับฟังปัญหาอุปสรรคจากผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว ณ ท่าเรือปากเมง อำเภอสิเกา ซึ่งเป็นท่าเรือที่ได้เปิดใช้งานเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงท่าเรือใหม่เพื่อให้สอดคล้องการส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมทั้งการจัดหาเรือกู้ภัยเพื่อให้เกิดความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดตรัง และจังหวัดใกล้เคียง เนื่องจากเป็นท่าเรือเชื่อมโยงไปแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น เกาะไหง เกาะมุก เกาะกระดาน เกาะเชือก เกาะแหวน เกาะม้า เกาะรอกน้อย เกาะรอกใหญ่ และเป็นท่าเรือแห่งการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวทางทะเลในฝั่งอันดามัน เช่น ปากเมง – เกาะหลีเป๊ะ และปากเมง – เกาะลันตาอีกด้วย.
