CARSOME คาดเทรนด์ความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจะพุ่งสูงขึ้น

CARSOME แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซซื้อขายรถยนต์มือสองครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้าร่วมเวทีเสวนาภายในงาน “Inclusive Growth Days empowered by OR” จัดขึ้นโดย บริษัท ปตท. นํ้ามันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองของบริษัทภายใต้หัวข้อ “EV Moments: ช่วงเวลาที่ดีต่อใจ ดีต่อโลก”

นายศิวภูมิ เลิศสรรค์ศรัญย์ กรรมการผู้จัดการ คาร์ซัม ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้บริโภคสนใจรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์อีวีมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดการใช้รถอีวีอย่างแพร่หลายแน่นอนในอนาคต อย่างไรก็ตาม ทิศทางของการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์อีวีนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้บริโภค

นายศิวภูมิ กล่าวต่อไปว่า ฟังก์ชันการใช้งาน (Functionality) ความสะดวกสบาย (Convenience) และ ราคาที่เข้าถึงได้ (Affordability) คือสามปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการผลักดันการเติบโตและความแพร่หลายของการเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยขยายความเพิ่มเติมว่า ฟังก์ชันการใช้งาน คือความสามารถของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีฟังก์ชันการใช้งานเทียบเท่ารถยนต์ระบบสันดาปภายใน (ICEs: Internal Combustion Engines) ความสะดวกสบาย คือความสะดวกในการเข้าถึงการซื้อ การชาร์จพลังงาน และบริการหลังการขาย และท้ายที่สุด ราคาที่เข้าถึงได้ หมายถึงราคาและความสามารถในการซื้อสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพ

“รถยนต์ไฟฟ้าใช้งานได้เกือบเท่ารถยนต์สันดาปภายในแล้ว แต่เมื่อมอง 2 ปัจจัยที่เหลือ ทั้งความสะดวกสบาย และราคาที่เข้าถึงได้ ทุกภาคส่วนยังคงต้องทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาตรงนี้ให้มากยิ่งขึ้น ผมเชื่อว่าทั้ง 2 ปัจจัยดังกล่าวสามารถแก้ไขผ่านการแบ่งปันข้อมูลและองค์ความรู้จากทุกฝ่ายแต่ปัจจุบัน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ละภาคส่วนเหมือนถือจิ๊กซอว์กันคนละชิ้นซึ่งหากนำจิ๊กซอว์เหล่านั้นมาต่อกัน เราจะสามารถช่วยแก้ปัญหารถยนต์ไฟฟ้าได้ดียิ่งขึ้น” นายศิวภูมิ กล่าว

สำหรับ CARSOME ทางบริษัทฯ เตรียมความพร้อมรองรับอนาคตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามือสองคุณภาพดีในราคายุติธรรม โดยมุ่งแก้ไขปัญหาหลักเรื่องความสะดวกสบายและราคาที่เข้าถึงได้ ด้วยการนำเสนอบริการการทดลองขับ และขั้นตอนการซื้อรถยนต์มือสองอย่างไร้กังวล

นายศิวภูมิ กล่าวต่อไปว่า การสร้างราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้เกิดการเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลาย ถือเป็นความท้าทายสำคัญที่สุด เนื่องจากกลุ่มคนที่เข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าได้ตอนนี้ ยังคงเป็นกลุ่มรายได้สูงเป็นส่วนใหญ่“เพื่อเร่งผลักดันให้คนทั่วประเทศหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลาย และเกิดการตระหนักถึงในกระบวนการเป็นเจ้าของรถอีวีหรือ EV Ownership Lifecycle นั้นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับกลุ่มรายได้ปานกลางเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งเรื่องราคา ความพร้อมของสถานีชาร์จ และการชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว ทั้งหมดล้วนแต่เป็นปัจจัยที่จะเอื้อให้เกิดการเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถาบันการเงินจะประเมินความเสี่ยงจากราคาของรถมือสองและความต้องการของกลุ่มลูกค้า การเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง จึงมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถอีวีคันใหม่ของกลุ่มผู้บริโภค โดยปกติแล้ว กลุ่มผู้บริโภคพิจารณาราคารถยนต์ที่จะขายได้ในอีก 4-5 ปีข้างหน้าก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถยนต์คันหนึ่ง ดังนั้น ตลาดรถยนต์มือสองที่เข้มแข็งจึงเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า” จากข้อมูลล่าสุด พบว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของไทยจะแตะ 63,600 คันภายในปี 2565 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ถึง 1 หมื่นคัน หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 539.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สาเหตุหลักมาจากมาตรการส่งเสริมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่อยู่ระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับกับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด (Hybrid) และไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) ที่คาดว่าจะแตะ 53,000 คัน สวนทางกับรถยนต์ระบบสันดาปภายในที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง (Internal Combustion Engine: ICE) ที่หดตัวจากปี 2564 ถึง 8.8% จากข้อมูลของ CARSOME พบว่า ไตรมาสแรกของปี 2565 มียอดขายรถยนต์รวมเพิ่มสูงขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ในปีที่แล้ว ชี้ให้เห็นว่า กลุ่มลูกค้าในปัจจุบันหันมาสนใจซื้อรถยนต์มือสองมากยิ่งขึ้นและสะท้อนให้เห็นว่า ตลาดรถยนต์มือสองมีโอกาสที่จะช่วยผลักดันการเติบโตของการเลือกใช้รถ EV มากยิ่งขึ้น

ศิวภูมิ กล่าวเน้นว่า ภาพรวมของกระบวนการเป็นเจ้าของรถอีวีหรือ EV Ownership Lifecycle ไม่ควรมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ในระดับสูงและสมรรถนะของรถอีวีเท่านั้น แต่ Ownership Lifecycle ควรครอบคลุมตั้งแต่การขายรถยนต์สันดาปภายในที่มีอยู่ การกู้สินเชื่อรถ การบริการหลังการขาย และการมีตลาดสำหรับขายรถยนต์ไฟฟ้ามือสองโดยเฉพาะ เพื่อที่จะสนับสนุนให้เกิดความสะดวกและราคาที่เอื้อมถึงสำหรับลูกค้าในทุกระดับรายได้

ทั้งนี้ CARSOME เดินหน้าเร่งการเติบโตด้วยหน้าร้านสาขาที่พร้อมให้บริการทั้งหมด 11 แห่งทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑลเพื่อส่งมอบประสบการณ์ซื้อและขายรถที่ไร้รอยต่อให้กับทั้งลูกค้าออนไลน์และออฟไลน์

ในฐานะแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสำหรับรถยนต์มือสองครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้ง CARSOME ได้เตรียมพร้อมที่จะมอบทางเลือกรถยนต์ไฟฟ้าและร่วมขับเคลื่อนระบบนิเวศตลอดจนกระบวนการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมรองรับความต้องการของลูกค้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต อนึ่ง ปัจจุบัน CARSOME มีสาขาที่มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย และ สิงคโปร์ CARSOMEมีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์มือสองแบบดิจิทัลในภูมิภาคนี้ด้วยการปรับโฉมและยกระดับประสบการณ์ซื้อ-ขายตลอดจนการเป็นเจ้าของรถยนต์รวมถึงร่วมกับแบรนด์ในเครืออย่าง iCar Asia,WapCar และ Cartimes มอบโซลูชั่นส์แบบครบวงจรให้แก่ผู้บริโภคและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์มือสองตลอดทั้งกระบวนการซื้อ-ขาย ตั้งแต่การบริโภคเนื้อหาเกี่ยวกับรถยนต์ การตรวจสอบสภาพรถยนต์ การถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ ไปจนถึงการทำธุรกรรมและสินเชื่อต่างๆ ตลอดจนบริการเสริมอื่นๆ ด้วยคำมั่นสัญญาที่จะมอบความเชื่อมั่น โปร่งใส และทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ลูกค้า.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password