ปธ.สภาอุตสาหกรรม ระบุ ดัชนีเชื่อมั่นมี.ค.65พุ่ง สูงสุดรอบ25เดือน แนะ ยกเลิก Test&Go

ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ เผย แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ส่อเค้าดีขึ้น หลัง ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมในเดือน มี.ค.65 แต่อยู่ที่ระดับ 89.2 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 86.7 สูงสุดในรอบ25เดือน

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. 2565 อยู่ที่ระดับ 89.2 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 86.7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 25 เดือน นับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว และความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมทั้งการปรับรูปแบบมาตรการ Test&Go ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ยังช่วยอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น ประกอบกับเดือนมี.ค.ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมเร่งการผลิตสินค้า เพื่อส่งมอบก่อนวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์

นายสุพันธุ์กล่าวว่า ดัชนีฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ระดับ 99.6 เพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนอยู่ที่ระดับ 97.1 เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มคลี่คลายลงจากการเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ ทำให้ประชาชนสามารถออกมาใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้น ส่งผลอุปสงค์ในประเทศมีทิศทางดีขึ้น อีกทั้งการส่งออกของไทยยังคงมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามทิศทางเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน กดดันให้ต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการปรับตัวสูงขึ้นจากราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบ เช่น อาหารสัตว์ ปุ๋ยเคมี สินแร่สำหรับผลิตเหล็กอะลูมิเนียม เป็นต้น

ดังนั้น ส.อ.ท.จึงมีข้อเสนอแนะภาครัฐให้ยกเลิกมาตรการ Test&Go ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว รวมทั้งจัดเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขรองรับการปรับให้โควิด-19เป็นโรคประจำถิ่น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนและนักท่องเที่ยว “ยิ่งยกเลิกมาตรการ Test&Go และประกาศเป็นโรคประจำถิ่นได้เร็วขึ้น มาตรการต่างๆ ก็จะผ่อนคลายและยกเลิกได้เร็วขึ้นเช่นกันบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอย การเปิดประเทศ การท่องเที่ยวและกิจกรรมทางเศรษฐกิจก็จะกลับมาเร็วขึ้นเท่านั้น เราต้องลดบทบาทสาธารณสุขและเพิ่มบทบาทการกระตุ้นเศรษฐกิจ เท่ากับลดรายจ่ายเพิ่มรายได้”นายสุพันธุ์กล่าว

ขณะเดียวกัน ขอให้ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนและวัตถุดิบราคาแพง เช่น การปรับลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบที่จำเป็นต่อภาคการผลิต รวมทั้งปลดล็อกเงื่อนไขและโควตาการนำเข้าวัตถุดิบโดยเฉพาะวัตถุดิบที่ขาดแคลน ขอให้ทบทวนการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร(เอฟที) และออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อลดต้นทุนการผลิต เช่น ส่วนลดค่าไฟฟ้า และเร่งเจรจากับจีน-เวียดนาม ขอขยายเวลาเปิดด่านเป็น 24 ชั่วโมง เพิ่มช่องทางในการตรวจสินค้าผลไม้ และการเตรียมแผนสำรองในการส่งออกผลไม้ทางเรือ/เครื่องบิน เพื่อแก้ไขปัญหาการส่งออกผลไม้จากไทยไปจีนผ่านด่านทางบก.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password