เอกชน ชง ภาครัฐ เปิดเครื่องยนต์ตัวใหม่เทคออฟเศรษฐกิจ จี้หั่นก.ม.ล้าสมัยแสนฉบับ
ส.อ.ท. จัดสัมมนา ไทยแลนด์ เทคออฟ “อุตสาหกรรมไทยติดปีก โกอินเตอร์” เสนอภาครัฐ เปิดเครื่องยนต์ใหม่ ศก.ไทย อุตฯ ใหม่-บีซีจี-โอดีเอ็ม เลิกหวังส่งออก มองเศรษฐกิจไทยเหมือนนักกีฬาสูงวัย แนะลดใช้ยากระตุ้น จี้รัฐแก้โจทย์ตลาดหุ้นไทยไร้เสน่ห์
วันที่ 21 มิ.ย.2566 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยงานสัมมนาไทยแลนด์ เทคออฟ ในหัวข้อ ”อุตสาหกรรมไทยติดปีก โกอินเตอร์” ว่า การส่งออกจะไม่ใช่เครื่องยนต์ที่สำคัญและสร้างจีดีพี ปี 66 เนื่องจากกำลังซื้อจากตลาดโลกลดลง ซึ่งการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมในอนาคตต้องมาจาก 2 ส่วน คือ ยกระดับขีดความสามารถแข่งขัน มีอุตสาหกรรมใหม่ เช่น เปลี่ยนจากรับจ้างผลิต (โออีเอ็ม) เป็นรับจ้างออกแบบและผลิตสินค้าให้กับบริษัทเพื่อนำไปขายในแบรนด์ตัวเอง หรือโอดีเอ็ม เปลี่ยนจากใช้แรงงานเป็นใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เปลี่ยนจากผลิตเพื่อกำไร และต้องสร้างเครื่องยนต์ใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดึงการลงทุนจากเอส-เคิร์พ เดินหน้านโยบายบีซีจี
นอกจากนี้เอกชนเตรียมเสนอให้รัฐบาลตั้งทั้ง กรอ.พลังงาน และ กรอ.น้ำ เนื่องจากเอลนีโญ กำลังส่งผลกระทบภาคการเกษตรของไทยอย่างหนัก นานกว่าที่ผ่านมา และต้องการให้ยกเลิกกฎระเบียบล้าสมัย ที่มีประมาณ 1 แสนฉบับ ให้ลดลง ทำให้ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้กว่าแสนล้านบาท
นายสันติธาร เสถียรไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัท ซี กรุ๊ป กล่าวว่า อยากชวนเศรษฐกิจไทย เปลี่ยนมุมมองเล็กน้อย อยากเปลี่ยนให้ชวนจิตนาการเศรษฐกิจไทย เป็นนักกีฬาคนหนึ่ง อดีตเคยเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง ร้อนแรงมาก กระโดดสูง วิ่งก็เร็ว แรงก็เยอะ โดดเด่นในเวทีโลก เจอปัญหาความไม่มั่นคงทางการเมืองครั้งแล้วครั้งเล่า เศรษฐกิจไทยเหมือนรู้ตัวอีกทีช่วงสำคัญหายไป กลายเป็นนักกีฬาสูงวัย เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยากจะฝากโค้ชคนใหม่ที่จะเข้ามา ลดใช้ยากระตุ้นระยะสั้น ผ่าตัดกฎกติกาที่ไม่จำเป็น เดินไปหาแมวมอง เข้าหานักลงทุน การเล่นอย่างฉลาด เพิ่มผลิตภาพของประเทศ ด้านดิจิทัลและการเพิ่มทักษะแรงงาน และการสร้างภูมิคุ้มกัน รับแรงกระแทกได้ ถ้าทำได้จะกลับมาเป็นนักกีฬาที่เก่ง กลับมาเป็นผู้ชนะได้อีกครั้งหนึ่ง
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์ ทิสโก้ กรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยจะกระทิงหรือไม่กระทิง ขึ้นอยู่กับนโยบายทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ปัจจุบันตลาดหุ้นโลกได้กลับเข้าสู่ภาวะกระทิงอีกครั้ง เพราะทุกคนคาดว่าดอกเบี้ยน่าจะใกล้จบลง ซึ่งตอนนี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านต่างมีเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีกว่า และฟื้นกลับไปเท่าช่วงก่อนโควิดได้ดีและเร็วกว่า ทำให้น่าสนใจมากกว่าตลาดหุ้นไทย หากนับตั้งแต่ต้นปี เงินทุนไหลออกไปเเล้วกว่า 1 แสนล้านบาท
และถ้าหลาย ๆ เรื่องยังไม่ดีขึ้นก็มีโอกาสที่จะไหลออกได้ต่อ และเชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสดีดตัวขึ้น หากจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วและนโยบายเศรษฐกิจเป็นที่ยอมรับ ซึ่งตอนนี้ราคาหุ้นไทยไม่ได้แพง แต่ขาดจุดขายในการดึงดูดเงินทุนระยะยาว อยากให้รัฐบาลใช้ตลาดทุนให้มาก อย่ามองตลาดทุนเป็นศัตรู เพราะตลาดทุนคือส่วนหนึ่งของตลาดเงิน และให้มองว่าผู้ลงทุนเป็นผู้ช่วยสร้างสภาพคล่อง และรัฐบาลต้องไม่ออกนโยบายที่ไม่เป็นมิตรกับตลาดทุนและส่งผลกระทบต่อสภาพคล่อง.