คลังชี้! ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการ 22 ล.คน ส่วน 3 โครงการรัฐฯยอดใช้จ่ายพุ่ง 4 หมื่นล. มีผู้ใช้สิทธิ 38 ล.ราย

โฆษกคลัง แจงผลลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี 65 พบยอมรวมเฉียด 22 ล้านคน แยกเป็นผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนอีก 21.9 ล้านคน ที่เหลือ 9.75 ล้านคน ผ่านเว็บไซต์ ส่วน 3 โครงการรัฐรักษาระดับการบริโภค ณ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา มียอดรวม 38.22 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 4 หมื่นล้านบาท เฉพาะคนละครึ่งเฟส 5 พุ่งเฉียด 3.5 หมื่นล้านบาท จากยอดผู้ใช้สิทธิ 24 ล้านคน

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะ โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการเปิดรับลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน – 21 ตุลาคม 2565 ณ เวลา 09.00 น. ว่า มีประชาชนลงทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 21,930,412 ราย โดยเป็นการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ 9,751,950 ราย และลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียน 12,178,462 ราย ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถลงทะเบียนได้จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565 โดยสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 6.00 น. ถึง 23.00 น. ของทุกวัน หรือลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั่วประเทศ ซึ่งจำนวนผู้ลงทะเบียนข้างต้นเป็นเพียงจำนวนผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ เท่านั้น ทั้งนี้ การเป็นผู้ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐจะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติตามโครงการฯ อีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้ การลงทะเบียนตามโครงการฯ เป็นการลงทะเบียนรายบุคคล (ผู้ลงทะเบียน) แต่การตรวจสอบจะตรวจสอบทั้งรายบุคคลและสมาชิกในครอบครัว โดยขั้นตอนแรกจะมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ (เกณฑ์บุคคล) หากผู้ลงทะเบียนผ่านการตรวจสอบตามเกณฑ์บุคคลโดยมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติของเกณฑ์ครอบครัว (ในกรณีที่มีคู่สมรสหรือบุตร) ซึ่งหากพบว่า ผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านการตรวจสอบตามเกณฑ์ครอบครัวจะถือว่าผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านคุณสมบัติและผู้ลงทะเบียนจะไม่ได้รับสิทธิตามโครงการฯ

โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2565 เป็นการประกาศผล “สถานะการลงทะเบียน” ของโครงการฯ โดยเป็นข้อมูลผู้ที่ลงทะเบียนในระหว่างวันที่ 5 กันยายน – 13 ตุลาคม 2565 พบว่าผู้ที่ลงทะเบียนที่มีสถานะแสดงข้อความว่า “กระทรวงการคลังได้รับข้อมูลการลงทะเบียนของท่านครบถ้วนแล้ว” มีจำนวนทั้งสิ้น 19,466,127 ราย และเมื่อตรวจสอบข้อมูลกับกรมการปกครองแล้ว พบว่า มีผู้ผ่านการตรวจสอบข้อมูลกับกรมการปกครอง จำนวนทั้งสิ้น 17,929,797 ราย โดยผู้ลงทะเบียนกลุ่มดังกล่าวเมื่อตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนจะพบข้อความว่า “สถานะการลงทะเบียนสมบูรณ์” ซึ่งผู้ลงทะเบียนกลุ่มดังกล่าวไม่ต้องดำเนินการใด ๆ ในช่วงนี้ โดยขอให้รอผลการตรวจสอบคุณสมบัติอีกครั้ง ซึ่งจะประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนในช่วงเดือนมกราคม 2566 และผู้ลงทะเบียนที่มีสถานะแสดงข้อความว่า “สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์” เนื่องจากข้อมูลของผู้ลงทะเบียนไม่ตรงตามฐานข้อมูลของกรมการปกครองมีจำนวนทั้งสิ้น 1,536,330 ราย

สำหรับผู้ลงทะเบียนที่มี “สถานะการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์” สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ/สำนักงานเขต หากพบว่าข้อมูลไม่ถูกต้องขอให้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้อง หรือหากพบว่าข้อมูลที่ลงทะเบียนไม่ตรงกับข้อมูลทะเบียนราษฎร์ เช่น จำนวนบุตรที่อายุต่ำกว่า 18 ปี มีจำนวนมากกว่าข้อมูลบุตรที่ลงทะเบียนไว้ เป็นต้น ให้ติดต่อแก้ไข โดยหากเป็นผู้ที่ลงทะเบียนที่หน่วยงานรับลงทะเบียนจะต้องติดต่อขอแก้ไขข้อมูล ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนที่ผู้ลงทะเบียนได้ยื่นแบบฟอร์มลงทะเบียนไว้แล้วเท่านั้น และสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ สามารถติดต่อขอแก้ไขข้อมูลที่หน่วยงานรับลงทะเบียนใดก็ได้ โดยจะต้องแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในวันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน 2565

นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงการคลัง ยังย้ำอีกว่า กระทรวงการคลังได้อำนวยความสะดวกให้ประชาชนผู้สนใจโดยเปิดช่องทางให้สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ได้ รวมถึงได้มีการขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ตกหล่นจากการลงทะเบียนในรอบที่ผ่านมาให้มีโอกาสได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งเป็นการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้สามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้อย่างทั่วถึง ซึ่งส่งผลให้มีจำนวนผู้ลงทะเบียนเพิ่มขึ้นจากรอบที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ผู้ที่จะได้รับสิทธิ์สวัสดิการจะต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติตามที่โครงการฯ กำหนดด้วย ซึ่งจะได้มีการตรวจสอบในขั้นตอนต่อไป

ส่วนความคืบหน้ามาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ปี 2565 ระยะที่ 2 ประกอบด้วย โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 นั้น นายพรชัย กล่าวว่า จากข้อมูลสะสม ณ วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม 2565 เวลา 23.00 น. พบว่า มีผู้ใช้สิทธิทุกโครงการรวม 38.22 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายสะสมทั้งสิ้น 40,390.3 ล้านบาท โดยสรุปผลการใช้จ่ายได้ ดังนี้

1. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 13.14 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายสะสม 5,069.5 ล้านบาท

2. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 1.06 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายสะสม 379.2 ล้านบาท

3. โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 24.02 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายรวม 34,941.6 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายจำนวน 17,786.3 ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่ายจำนวน 17,155.3 ล้านบาท

สำหรับยอดใช้จ่ายสะสมแบ่งตามประเภทร้านค้า ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 14,609.7 ล้านบาท ร้านธงฟ้า 7,044.4 ล้านบาท ร้าน OTOP 1,666.5 ล้านบาท ร้านค้าทั่วไป 11,014.4 ล้านบาท ร้านบริการ 562.1 ล้านบาท และกิจการขนส่งสาธารณะ 44.5 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วมแล้วจำนวน 9.68 แสนราย โดยเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ 2.30 หมื่นราย

“ขณะนี้ มีจำนวนประชาชนผู้ใช้สิทธิโครงการครบ  800 บาท แล้วจำนวนประมาณ 9.27 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 38.6 ของจำนวนผู้ได้รับสิทธิทั้งหมด โดยประชาชนที่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ที่ยังมีสิทธิคงเหลือสามารถใช้จ่ายได้อย่างต่อเนื่องต่อไปจนถึงวันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2565 ระหว่างเวลา     06.00 น. – 22.59 น. ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง โดยขอเชิญชวนให้ประชาชนเร่งใช้สิทธิให้ครบวงเงินโครงการ 800 บาท ภายในระยะเวลาที่กำหนด” โฆษกกระทรวงการคลัง ระบุ

สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามเงื่อนไขที่โครงการกำหนดและสนใจเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้อย่างต่อเนื่องทุกวันตามช่องทางที่กำหนดจนถึงวันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password