เกาหลีใต้ยกระดับ KIPO เป็น ‘กระทรวงทรัพย์สินทางปัญญา’ ไทยชี้สะท้อนบทบาท IP ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก

กรมทรัพย์สินทางปัญญาเผยเกาหลีใต้ปรับโครงสร้างครั้งประวัติศาสตร์ ยกระดับสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาเป็น “กระทรวงทรัพย์สินทางปัญญา” สัญญาณชัดให้ความสำคัญต่อระบบนวัตกรรมและการคุ้มครอง IP ในระดับยุทธศาสตร์ พร้อมชี้อาจจุดประกายให้หลายประเทศ-including ไทย-ขยับตัวตามเพื่อยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันในเศรษฐกิจยุคใหม่

​​

​​นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวสำคัญด้านทรัพย์สินทางปัญญาในเวทีโลกว่า เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ได้ยกระดับสถานะของสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Korean Intellectual Property Office: KIPO) ขึ้นเป็นกระทรวงทรัพย์สินทางปัญญา (Ministry of Intellectual Property: MOIP) อย่างเป็นทางการ ที่จะมีผู้แทนระดับรัฐมนตรีร่วมอยู่ในการตัดสินใจในระดับนโยบายของคณะรัฐมนตรีเกาหลีใต้ แสดงให้เห็นถึงการมีอำนาจและบทบาทในระดับนโยบายเต็มรูปแบบ ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนจากรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีว่าได้ให้ความสำคัญอย่างสูงสุดต่อเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาในฐานะกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ส่งเสริมการค้าการลงทุน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ที่แข่งขันกันด้วยนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ที่ตอบโจทย์ความท้าทายของโลก

นางอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า การยกระดับ KIPO เป็นกระทรวงทรัพย์สินทางปัญญา คือเครื่องพิสูจน์ว่าสาธารณรัฐเกาหลีตระหนักถึงพลังของทรัพย์สินทางปัญญาในการเป็นหัวใจของการพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง โดยมีเป้าหมายในการสร้างระบบการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้มแข็ง สนับสนุนการสร้างสรรค์และนวัตกรรมเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และผลักดันการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ การยกระดับดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะเหตุผลเชิงนโยบายเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงบทบาทภารกิจอันเข้มข้นของหน่วยงาน โดยในปี 2567 KIPO มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานทั้งสิ้น 1,796 คน ทำหน้าที่ส่งเสริมและให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาจำนวนมาก โดยในปีดังกล่าวมีคำขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาเกือบ 6 แสนคำขอแบ่งเป็นสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตร 248,687 คำขอ การออกแบบผลิตภัณฑ์ 56,495 คำขอ และเครื่องหมายการค้า 287,450 คำขอ โดยการปรับโครงสร้างครั้งนี้นอกจากจะยังคงมีหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องการคุ้มครองและจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา เช่น สิทธิบัตรการประดิษฐ์ อนุสิทธิบัตร สิทธิบัตรออกแบบผลิตภัณฑ์ เครื่องหมายการค้า และยังเพิ่มหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการแก้ปัญหาข้อพิพาทด้านทรัพย์สินทางปัญญาและด้านการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาเชิงพาณิชย์ด้วย ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และกำหนดเป็นกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาระดับชาติมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสาธารณรัฐเกาหลีในระยะยาว

นอกจากนี้ จากการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก (Global Innovation Index) ประจำปี 2568 องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ได้จัดอันดับดัชนีนวัตกรรมให้สาธารณรัฐเกาหลีอยู่ในอันดับที่ 4 ของโลก (รองจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน และสหรัฐอเมริกา) ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพด้านนวัตกรรมที่แข็งแกร่ง ซึ่งการปฏิรูปเชิงโครงสร้างในครั้งนี้ยังเป็นสัญญาณชัดเจนของความทะเยอทะยานที่จะก้าวไปให้ไกลยิ่งขึ้นบนเวทีเศรษฐกิจโลก

อย่างไรก็ดี แนวทางการยกระดับดังกล่าวอาจเป็นแรงบันดาลใจและแรงผลักดันสำคัญให้กับหลายๆ ประเทศทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา นำไปเป็นต้นแบบในการพิจารณายกระดับหน่วยงานทรัพย์สินทางปัญญาของตนเองด้วยเช่นกัน เพื่อให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยองค์ความรู้และความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงประเทศไทยในฐานะประเทศคู่ค้าสำคัญและมีความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญากับสาธารณรัฐเกาหลีมาอย่างต่อเนื่อง จะได้ใช้ประโยชน์จากการยกระดับหน่วยงานในครั้งนี้เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และการพัฒนาระบบการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาให้ได้มาตรฐานสากลต่อไป นางอรมน กล่าวทิ้งท้าย.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password