ปิดหนี้ไว ไปต่อได้!!!

โครงการร่วมระหว่างกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย…“ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” หวังคลี่คลาย “ปัญหาหนี้เสีย” ของคนไทยเกือบ 2 ล้านบัญชี เปลี่ยนหนี้เสีย! ให้กลายเป็นโอกาสเริ่มต้นใหม่ “ลดภาระ ล้างประวัติ สร้างทางกลับสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน” มากกว่าการปลดหนี้ แต่นี้ คือ การวางรากฐานฟื้นฟูศรัทธาทางการเงินของประชาชน และการเดินหน้าของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว
ปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทย…ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่กำลังกลายเป็น “รากลึก!” ที่คอย “ฉุดรั้ง” ศักยภาพเศรษฐกิจไทยในแทบทุกมิติ!!??
ทั้งการบริโภค การออม และการลงทุนของประชาชน
เมื่อรายได้ของหลายครัวเรือน ยังไม่ฟื้นตามเศรษฐกิจหลังวิกฤต ความเปราะบางทางการเงิน…จึงกลายเป็นระเบิดเวลาทางสังคมและเศรษฐกิจที่ต้องเร่งคลี่คลายโดยเร็ว…
บ่ายวันนี้ (11 พ.ย.2568) ณ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), ธปท. และกระทรวงการคลัง จึงได้ประกาศความร่วมมือเปิดตัวโครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” เพื่อช่วย “ปลดล็อกหนี้เสีย!” ของลูกหนี้รายย่อย กว่า 1.9 ล้านบัญชีทั่วประเทศ
โดยมุ่งเน้น…กลุ่มหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน และมีวงเงินรวมไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็น ประชาชนกลุ่มเปราะบางที่สูญเสียศักยภาพในการชำระหนี้จากสภาพเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อ
แก่นของโครงการนี้ คือ การใช้กลไกของบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) ในการรับซื้อหนี้จากสถาบันการเงิน เพื่อนำมาปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรน ไม่มุ่งหากำไร แต่เน้นให้ลูกหนี้ได้ “เริ่มต้นใหม่” ภายใต้แนวคิดของ “บริษัทบริหารสินทรัพย์เพื่อสังคม” หรือ Social AMC ที่จะกลายเป็นแนวทางใหม่ของการจัดการหนี้อย่างมีมนุษยธรรมในระบบการเงินไทย
มาตรการแบ่งออกเป็น 2 แนวทาง คือ การ “จ่ายปิดจบ” สำหรับผู้ที่พร้อมชำระบางส่วนเพื่อเคลียร์หนี้ทันที และการ “ผ่อนชำระเป็นงวด” สูงสุด 3 ปี โดยใน ระหว่างเข้าร่วมมาตรการ…จะได้รับการยกเว้นดอกเบี้ยเงินกู้ทั้งหมด
หากชำระตามเงื่อนไขครบถ้วน ลูกหนี้จะสามารถเคลียร์ประวัติในเครดิตบูโรและกลับมามีสิทธิ์ขอสินเชื่อในระบบได้อีกครั้ง!
ถือเป็นการคืนศักดิ์ศรีทางการเงินให้กับคนที่เคยล้ม
ในส่วนของ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) เช่น ธกส. หรือออมสิน ฯลฯ กระทรวงการคลังได้มอบหมายให้บริษัทบริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด (Ari-AMC) เข้ามาดำเนินการในลักษณะเดียวกัน ครอบคลุมลูกหนี้อีกกว่า 3.3 แสนบัญชี ทำให้โครงการนี้ มีขอบเขตการช่วยเหลือรวมเกือบ 2 ล้านบัญชี มูลค่าหนี้กว่า 43,600 ล้านบาท โดยไม่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดิน แต่ใช้เงินส่วนที่เหลือจากโครงการ “คุณสู้เราช่วย” ประมาณ 20,000 ล้านบาทมาเป็นทุนหมุนเวียน
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ระบุว่า โครงการนี้คือหนึ่งใน “Quick Big Win” ของรัฐบาล ที่ตั้งเป้าเห็นผลชัดในระยะสั้นแต่สร้างผลยาวในระบบเศรษฐกิจ โดยเชื่อว่าจะช่วยให้ผู้เป็นหนี้ NPL จำนวนมากได้มีทางออกจากวงจรหนี้ และกลับมามีส่วนร่วมในระบบเศรษฐกิจอีกครั้ง นอกจากนี้ยังเป็นการแก้หนี้อย่างยั่งยืน ไม่ใช่เพียงการพักหนี้หรือเลื่อนหนี้แบบชั่วคราว
ขณะที่ นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการ ธปท. ย้ำว่า การเปลี่ยนบทบาทของ SAM สู่ Social AMC ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในเชิงนโยบาย เพราะสะท้อนการขยับของภาครัฐจากการมอง “หนี้” เป็นปัญหา มาสู่การมอง “ลูกหนี้” เป็นมนุษย์ที่ต้องได้รับโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ หากมาตรการนี้สำเร็จ อาจเป็นต้นแบบให้กับการบริหารหนี้ในภาคส่วนอื่น ไม่ว่าจะเป็นหนี้นอกระบบ หนี้บัตรเครดิต หรือหนี้สินเชื่อจำนำทะเบียนรถในอนาคต
ในเชิงเศรษฐกิจมหภาค โครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” มีความสำคัญไม่น้อยกว่าการกระตุ้นการบริโภค นั่นเพราะ…หนี้เสียจำนวนมากที่ถูกแปลงเป็นหนี้ดี หมายถึง การเพิ่ม “สุขภาพการเงินของประเทศ” ในเชิงระบบ
หากลูกหนี้…กลับมามีวินัยและสถานะทางการเงินที่ดี ย่อมกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนต่อเนื่อง ซึ่งจะสะท้อนกลับไปในอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม
อย่างไรก็ตาม ความท้าทาย? อยู่ที่การทำให้ลูกหนี้กลับมาชำระได้จริง! และไม่กลับเข้าสู่วงจรหนี้อีกครั้งในอนาคต
การให้โอกาส…จึงต้องมาคู่กับการสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงิน เช่น การให้ความรู้เรื่องการออม การวางแผนรายรับรายจ่าย และการเข้าถึงสินเชื่อในระบบที่เป็นธรรม เพื่อไม่ให้การปิดหนี้วันนี้กลายเป็นเพียงการเลื่อนปัญหาไปวันหน้า
ในภาพใหญ่ โครงการนี้…จึงอาจเป็น “ก้าวเล็ก” ในตัวเลขงบประมาณ แต่เป็น “ก้าวใหญ่” ใน “ทัศนคติของรัฐต่อประชาชน” ที่เปลี่ยนจากการมอง คนเป็นลูกหนี้ มาเป็นการมองว่า “เขาคือพลังเศรษฐกิจ” ที่ควรจะต้องได้รับโอกาสในการลุกขึ้นยืนอีกครั้ง!
และ หากประเทศไทย…ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน!
การเริ่มต้นจากการคืนศักดิ์ศรีทางการเงินให้ประชาชน…อาจเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดของชาติก็เป็นได้!!!.






