‘ศุภจี’ นำถก ‘ชิลี’ ขยายผลการค้า-ลงทุน ฉลอง 10 ปี FTA 2 ชาติ

“พาณิชย์” ลุยต่อการประชุมเอเปค นำฝ่ายไทยหารือตัวแทนรัฐบาลชิลี พร้อมประกาศร่วมส่งเสริมการค้าและการลงทุน ฉลอง 1 ทศวรรษ เอฟทีเอไทย-ชิลี มุ่งส่งเสริมความร่วมมือ “จับคู่” ธุรกิจและพลังงานหมุนเวียน

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ได้พบหารือกับ นางเกลาเดีย ซันอูเอซา ริเบโรส (Mrs. Claudia Sanhueza Riveros) รมช.ต่างประเทศ ด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สาธารณรัฐชิลี ระหว่างการประชุม รัฐมนตรี เอเปคและการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ณ เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี
ทั้ง 2 ฝ่ายได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีของความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย–ชิลี ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขยายมูลค่าการค้า ระหว่างกันและเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้น

นางศุภจี ได้แสดงความยินดีต่อพัฒนาการด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยและชิลี พร้อมย้ำถึง ความุ่งมั่นของไทยในการเสริมสร้างความร่วมมือในสาขาที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีศักยภาพสูง อาทิ การพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงาน หมุนเวียนและเศรษฐกิจชีวภาพ–หมุนเวียน–สีเขียว (BCG Economy) โดยฝ่ายไทยมีศักยภาพสูงด้านพลังงานสะอาด และการลงทุนสีเขียว และพร้อมเปิดรับความร่วมมือจากชิลีในด้านดังกล่าว รวมทั้ง การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และการยกระดับผู้ประกอบการ SMEs และสตาร์ทอัพให้สามารถเชื่อมโยงเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานโลกได้อย่างยั่งยืน

รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีสินค้าเกษตรหลายประเภทที่ชิลีอาจให้ความสนใจ โดยเฉพาะข้าวและข้าวเพื่อสุขภาพ ซึ่งปีนี้ข้าวไทยมีคุณภาพดีและมีราคาที่สามารถแข่งขันได้ ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ จะมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการค้าต่างประเทศ และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ประสาน ความร่วมมือกับภาคเอกชนไทยและชิลี เพื่อขยายการค้าในสินค้าเกษตรดังกล่าวต่อไป พร้อมทั้งเสนอให้ทั้งสอง ฝ่ายพิจารณาจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ ส่งเสริมโอกาสทางการค้าและการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรมโดยทางชิลีได้แนะนำหน่วยงาน InvestChile ซึ่งเป็น หน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของชิลี ที่สามารถเป็นช่องทางให้ภาคเอกชนของทั้ง 2 ประเทศติดต่อประสานงานได้ โดยตรง

ในโอกาสนี้ ฝ่ายไทยได้แสดงความยินดีต่อการที่ชิลีแสดงเจตจำนงเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างเครือข่ายห่วงโซ่มูลค่าระดับภูมิภาคและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก โดยฝ่ายไทยพร้อมสนับสนุนและแลกเปลี่ยนข้อมูลทางเทคนิค เพื่ออำนวยความสะดวกในกระบวนการภายใต้กรอบ RCEP ต่อไป
นอกจากนี้ ประเทศไทยได้แจ้งฝ่ายชิลีถึงความคืบหน้าของการเจรจาความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัล (DEFA) ซึ่งได้บรรลุการเจรจาอย่างมีนัยสำคัญระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) โดยชิลีได้แสดงความสนใจและระบุว่าเป็นภาคีของ Digital Economy Partnership Agreement (DEPA) อยู่แล้ว จึงเป็นโอกาสสำคัญ ในการเชื่อมโยงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างกันในอนาคต

“การหารือครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจร่วมของไทยและชิลีในการยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมเสริมสร้างบทบาทของภาคเอกชน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ของทั้ง 2 ประเทศ” นางศุภจี กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับ ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยและชิลี ในช่วงเดือนมกราคม–สิงหาคม 2568 ชิลีเป็นคู่ค้าอันดับที่ 43 ของไทย และเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 3 ของไทยในภูมิภาคอเมริกาใต้ โดยมีมูลค่าการค้า รวม 802.70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นการส่งออก 362.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้า 439.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อาหารทะเลกระป๋อง และแปรรูป เครื่องซักผ้าและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และผลิตภัณฑ์พลาสติก ส่วน สินค้านำเข้าสำคัญจากชิลี ได้แก่ สินแร่โลหะ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็งและแปรรูป เยื่อกระดาษ ผักผลไม้แปรรูป และเครื่องดื่มประเภทน้ำแร่ น้ำอัดลม และสุรา.






