ดีเดย์! 4 พ.ย.นายกฯนำ kick off เพิ่มทางเลือก ปชช. ซื้อ ‘ยา’ นอก รพ.เอกชน

อธิบดีกรมการค้าภายใน เผย! 11 เครือข่าย รพ.เอกชน รวมถึงกลุ่มนอกเครือข่าย ตอบรับเข้าร่วมโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ครบแล้ว ย้ำ! ประชาชนสามารถซื้อยาจากร้านขายยาด้านนอก เพื่อลดค่าครองชีพได้ ระบุ! 4 พ.ย.นี้ นายกรัฐมนตรี นำ kick off ความร่วมมือ MOU ที่ทำเนียบรัฐบาล

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ บอกว่า ขณะนี้เครือข่ายโรงพยาบาลเอกชนทั้ง 11 เครือข่าย ตอบรับเข้าร่วมโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ครบทุกแห่งแล้ว รวมถึงโรงพยาบาลที่ไม่ได้อยู่ในเครือข่าย รวมกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ ที่จะเปิดให้ผู้เข้ารับการรักษา สามารถเลือกได้ที่จะซื้อ ยา จากภายนอกโรงพยาบาลได้
ส่วนร้านขายยาภายนอกที่จะรองรับ ก็มียอดลงทะเบียนกับ องค์การอาหารและยา รวมกว่า 3,305 ร้านแล้ว เกินจากเป้าหมายที่ 2,000 แห่ง โดยสัปดาห์หน้า เตรียมส่งสติ๊กเกอร์ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ผ่านไปยังสาธารณสุขจังหวัด เพื่อส่งมอบให้กับร้านขายยา นำไปติดหน้าร้าน แสดงให้ผู้บริโภคเห็นชัดเจน ซึ่งประชาชน สามารถตรวจสอบรายชื่อ ร้านยาแนะนำ ได้ ผ่านเว็บไซต์หน่วยงานภายใต้ความร่วมมือทั้ง สมาคมโรงพยาบาลเอกชน / กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ / และสำนักงานคณะกรรมการองค์การอาหารและยา หรือ อย.

ทั้งนี้ ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดี เพราะต้องย้ำว่า โครงการนี้ เป็นนโยบายภาคสมัครใจ ที่จะช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายให้กับ ประชาชน คาดว่าจะลดค่าครองชีพได้กว่า 32,400 ล้านบาท
โดยจะเริ่ม kick off “โครงการ สุขกาย สบายกระเป๋า” โดย นายกรัฐมนตรี จะเป็นสักขีพยานในการลงนามความร่วม MOU ในวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล

ส่วนแผนการลดภาระค่าครองชีพ ผ่าน มหกรรมธงฟ้าทั่วประเทศ / กรมการค้าภายใน เดินหน้าจัดงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทั้งมหกรรมขนาดใหญ่ และขนาดกลาง รวม 15 ครั้ง พร้อมเตรียมช่วยผู้ประกอบการพื้นที่ชายแดน ระบายสินค้าโดยดึงมาจำหน่ายสินค้า ในหัวเมืองใหญ่
นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน บอกว่า สำหรับแผนการจัดงานธงฟ้า ขนาดกลาง เกิน 100 บูธ ยังเหลือการจัดงานอีก 10 ครั้ง และงานขนาดใหญ่ 5 ครั้ง โดยเฉพาะใน 7 จังหวัดพื้นที่ชายแดน ที่จะมีงานธงฟ้าครบทุกจังหวัด รวมถึงรถโมบายธงฟ้า ให้ลงไปถึงชุมชนได้ครอบคลุมขึ้น

ขณะเดียวกัน ยังช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ชายแดน ที่ต้องการขายสินค้า เบื้องต้นดำเนินการไปแล้ว โดยได้เชื่อมโยง “ไปรษณีย์ไทย” จัดแพ็คเกจลดราคาค่าจัดส่ง รายละ 1,000 บาท เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการขายสินค้าท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังมีแผน นำผู้ประกอบการ 7 จังหวัดชายแดน ไปจัดงานใหญ่ ในเมืองที่มีศักยภาพ ทั้งที่จังหวัดชลบุรี ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน และต้นปี 2569 จะจัดที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ คาดว่า เงินสะพัดในพื้นที่ชายแดนสำหรับการจัดงานไม่ต่ำกว่า 80 ล้านบาท และทั้งโครงการจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท พร้อมช่วยลดค่าครองชีพประชาชนกว่า 55 ล้านบาท
ขณะที่ การช่วยเหลือผู้ประกอบการ ร้านธงฟ้า ที่มีอยู่เกือบ 150,000 ราย ได้สนับสนุนให้ลงทะเบียนเข้าร่วม โครงการคนละครึ่งพลัส โดยล่าสุด ร้านธงฟ้า ลงทะเบียนแล้วกว่า 82,000 ร้านค้า ตั้งเป้า มีร้านธงฟ้าเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัสในเฟสนี้กว่า 100,000 ร้าน
ในส่วนของการลดภาระให้กลุ่มเกษตรกร กรมการค้าภายใน ได้ทำ โครงการธงเขียว โดยเน้นลดราคาปุ๋ย สำหรับปุ๋ย 6 สูตรหลัก ลดราคากระสอบละ 200 บาท โดยเกษตรกรสามารถซื้อได้สูงสุด 5 กระสอบ ลดต้นทุนได้สูงสุด 1,000 บาท ซึ่งได้ดำเนินการแล้วใน 7 จังหวัด มีเกษตรกรเข้าร่วมกว่า 5,102 ราย ซื้อปุ๋ยรวม 25,510 กระสอบ มูลค่า 91 ล้านบาท ช่วยลดต้นทุนเกษตรกรได้กว่า 21 ล้านบาท.






