พาณิชย์ ‘ยกทีม’ จัด ‘ธงเขียว’ ลดราคาปุ๋ย-เคมีเกษตร ที่ศรีสะเกษ เติมแกร่งเกษตรกรไทย

“ศุภจี” นำทีม “บิ๊ก ขรก.พาณิชย์” ลุย จ.ศรีสะเกษ พร้อมเปิดงาน “ธงเขียว” ลดราคาปุ๋ย-เคมีเกษตรสูงสุด 200 บาท/กระสอบ ประกาศเดินหน้า “Quick Big Win” หนุนเกษตรกรชายแดนลดต้นทุน ยกระดับสินค้า GI สร้างรายได้ชุมชน เสริมความแข็งแกร่งให้ภาคเกษตรไทย

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เปิดงาน “ธงเขียวราคาประหยัด ปุ๋ยถูก ยาดี ต้องที่ธงเขียว” ณ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาด ลูกค้า ธ.ก.ส. จังหวัดศรีสะเกษ จำกัด เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ให้สามารถเข้าถึงปัจจัยการผลิตในราคาที่เป็นธรรม ลดภาระต้นทุน และรักษาเสถียรภาพการผลิตทางการเกษตร

นางศุภจี กล่าวว่า หนึ่งในนโยบายสำคัญของ นายกรัฐมนตรี คือ การดูแลความเป็นอยู่ของเกษตรกรและประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น กระทรวงพาณิชย์จึงเร่งดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายของเกษตรกร โครงการธงเขียวครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน นำปุ๋ยและเคมีเกษตรราคาพิเศษมาจำหน่ายให้กับพี่น้องชาวศรีสะเกษและจังหวัดใกล้เคียง เพื่อบรรเทาภาระต้นทุนการผลิตและเพิ่มโอกาสในการแข่งขันให้กับเกษตรกรในพื้นที่ชายแดน

“จังหวัดศรีสะเกษเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน เราจึงตั้งใจนำโครงการธงเขียวและธงฟ้ามาเชื่อมโยงกัน เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชน โดยจะมี คาราวานธงฟ้าโมบายเคลื่อนที่ไปยังพื้นที่ที่เข้าถึงยาก พร้อมจับมือกับ ไปรษณีย์ไทยในการช่วยค่าขนส่ง เพื่อเปิดช่องทางการจำหน่ายสินค้าเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภคของศรีสะเกษออกสู่ตลาดในวงกว้าง ให้เกิดทั้งการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และลดต้นทุนให้เกษตรกร” รมว.พาณิชย์ กล่าวและย้ำว่า…

ภายในงานฯ มีการจำหน่ายปุ๋ยเคมี 6 สูตรหลักที่ใช้ในพืชเศรษฐกิจ เช่น นาข้าว พืชไร่ ผัก และไม้ผล ได้แก่ สูตร 15-15-15, 16-16-8, 46-0-0, 13-13-21, 21-4-21 และ 15-5-20 โดย ลดราคาสูงสุดถึง 200 บาทต่อกระสอบ พร้อมมอบ คูปองส่วนลดมูลค่า 50 บาท สำหรับใช้ซื้อสารเคมีเกษตรอื่น ๆ เช่น ยาฆ่าแมลงและยาปราบศัตรูพืช
ทั้งนี้ การจัดงานครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง กรมการค้าภายใน และภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย สมาคมอารักขาพืชไทย สมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย รวมถึง ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ นำเสนอสินค้าคุณภาพดี ราคายุติธรรม และนวัตกรรมเกษตรทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

“โครงการธงเขียวและธงฟ้าจะไม่ใช่กิจกรรมครั้งเดียวแล้วจบ แต่จะเป็นความร่วมมืออย่างต่อเนื่องระหว่างกระทรวงพาณิชย์ ภาคเอกชน และเกษตรกร เพื่อให้พี่น้องชาวศรีสะเกษมีต้นทุนที่ดี ผลผลิตที่มีคุณภาพ และช่องทางจำหน่ายที่กว้างขึ้น เราจะเดินหน้าทำงานเคียงข้างเกษตรกรอย่างยั่งยืน” นางศุภจี กล่าว
ด้าน นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเสริมว่า รมว.พาณิชย์ได้มอบนโยบายให้เร่งดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดน ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในได้รับมอบหมายให้จัดโครงการธงเขียวและธงฟ้า เพื่อช่วยลดค่าครองชีพและต้นทุนของเกษตรกรใน 7 จังหวัดชายแดน ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่ผู้บริโภค ผู้ประกอบการ ไปจนถึงเกษตรกรรายย่อย

ขณะที่ นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 7 และเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายโครงการไปยังพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด โดยเราจะดำเนินการให้ครบทุกพื้นที่ตามนโยบายของรัฐมนตรี เพื่อให้เกษตรกรในแต่ละจังหวัดได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังเดินหน้านโยบาย Quick Big Win ส่งเสริมและยกระดับสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยมีการ จัดแสดงสินค้า GI จังหวัดศรีสะเกษภายในงาน เพื่อสร้างการรับรู้และขยายตลาดสินค้าอัตลักษณ์ของชุมชน
ส่วน นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า จังหวัดศรีสะเกษมีสินค้า GI ทั้งหมด 7 รายการ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ เส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ผ้าไหมเก็บบ้านเมืองหลวง หอมแดงศรีสะเกษ กระเทียมศรีสะเกษ และครุน้อยบ้านสะอาง ศรีสะเกษ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 4,500 ล้านบาท ในอนาคตยังมีสินค้าใหม่ที่เตรียมขึ้นทะเบียนเพิ่มเติม เช่น ไก่ย่างไม้มะดัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับจังหวัดได้มากขึ้น
สำหรับ นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ที่เข้ามาส่งเสริมและผลักดันสินค้า GI ของจังหวัด ศรีสะเกษมีสินค้า GI หลายรายการที่สร้างรายได้และมูลค่าเพิ่มให้กับเกษตรกรในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม เช่น ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษที่สร้างมูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านบาท ถือเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัด.