‘สุขกาย สบายกระเป๋า’ สุดคึก – DIT เผย!รพ.เอกชน–ร้านยา ร่วมโครงการ หนุนลดค่าครองชีพคนไทย

กรมการค้าภายใน เผย! แค่ 2 วันแรกที่เปิดลงทะเบียน 327 รพ.เอกชน และ 2,382 ร้านยาทั่วประเทศ เดินหน้าร่วมโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” เชื่อมโยงระบบบริการสุขภาพ ย้ำ! จ่อยกระดับสิทธิผู้ป่วยเข้าถึงยาคุณภาพในราคาที่เป็นธรรม เตรียมพร้อม MOU ร่วมกันทันที!
นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการ “Quick Big Win” ตามนโยบายของนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่า ขณะนี้ได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศแล้วกว่า 327 แห่ง และตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดลงทะเบียนร้านยาเพื่อเข้าร่วมโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” เพียง 2 วัน (เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 68) มีร้านยาที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วทั้งสิ้น 2,382 ร้าน ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการช่วยลดค่าครองชีพและสร้างระบบสุขภาพที่ยกระดับและเข้าถึงได้สำหรับประชาชนทุกคน
อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างกรมการค้าภายใน (DIT) กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยสามารถนำใบสั่งยาจากโรงพยาบาลไปซื้อยาจากร้านยาภายนอกได้ในราคาที่เป็นธรรม โดยร้านยาที่เข้าร่วมจะต้องผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย. และมีเภสัชกรประจำร้านทุกแห่ง เพื่อให้มั่นใจได้ว่ายาที่จำหน่ายมีคุณภาพ ปลอดภัย และเป็นไปตามใบสั่งแพทย์
นายวิทยากร กล่าวต่อว่า กรมการค้าภายในอยู่ระหว่างเตรียมการลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับ 3 หน่วยงาน เพื่อขับเคลื่อนระบบ “เปิดเผยราคายาและเปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกซื้อยาได้เอง” ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถตรวจสอบ เปรียบเทียบราคาได้อย่างโปร่งใสและเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำทางการเข้าถึงยาและค่ารักษาพยาบาล พร้อมทั้งเตรียมพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ “ร้านยาสุขกาย สบายกระเป๋า” เพื่อให้ประชาชนสามารถค้นหาร้านยาในพื้นที่ใกล้เคียงที่เข้าร่วมโครงการได้สะดวกและรวดเร็ว
สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านบริการทางการแพทย์ของประเทศ มีโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำจำนวนมากให้ความร่วมมือเข้าร่วมโครงการแล้ว รวมกว่า 100 แห่ง อาทิ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท โรงพยาบาลธนบุรี โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น โรงพยาบาลพญาไท 2 โรงพยาบาลวิชัยเวช โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลรามคำแหง และโรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน เป็นต้น และยังมีโรงพยาบาลเอกชนในต่างจังหวัดอีกกว่า 200 แห่งทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งทุกโรงพยาบาลต่างมีเจตนารมณ์ร่วมสนับสนุนนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ในการให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาคุณภาพในราคายุติธรรมมากยิ่งขึ้น
ในส่วนของร้านยา DIT ได้บูรณาการข้อมูลร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสภาเภสัชกรรม ในการเตรียมความพร้อมร้านยาสำหรับรองรับการใช้บริการของประชาชน โดยประชาชนสามารถค้นหาร้านยาที่เข้าร่วมได้จากแอฟพลิเคชันได้ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการสร้างความสะดวกและมีโอกาสเลือกซื้อยาในร้านยาใกล้บ้านได้ ซึ่งขณะนี้ร้านยากว่า 2,382 แห่งที่มีการลงทะเบียนเข้ามาในระบบเพียง 2 วันแรก และคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นอีก จนครอบคลุมทุกพื้นที่บริการ
นายวิทยากร กล่าวทิ้งท้ายว่า โครงการสุขกาย สบายกระเป๋า ไม่ได้เป็นเพียงมาตรการลดค่าครองชีพเท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับสิทธิของผู้ป่วยให้มีทางเลือกในการรักษา และเข้าถึงยาคุณภาพในราคาที่เป็นธรรม ความร่วมมือจากโรงพยาบาลเอกชนและร้านยาทั่วประเทศ แสดงให้เห็นถึงพลังความตั้งใจร่วมกันของทุกฝ่าย ที่ต้องการให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดจากระบบสุขภาพของไทย.