สศอ.ดูงานจีนก่อนจัดWorkshop ดันไทย สู่ EV Hub
สศอ.เยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อนจัดสัมมนานานาชาติยกระดับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เดือน พ.ค. 2568 หวังผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV Hub) ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เตรียมเดินหน้าจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการนานาชาติ (Workshop) ในโครงการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สู่อุตสาหกรรมที่มุ่งสู่ระบบการขนส่งและเคลื่อนที่อัจฉริยะ: ระบบขับขี่อัตโนมัติ (ADAS) ยานยนต์สมัยใหม่ ระบบราง ชิ้นส่วนอากาศยาน ชิ้นส่วนอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์สำหรับผู้สูงวัย โดยการสัมมนาจะจัดขึ้นในประเทศไทยช่วงเดือนพฤษภาคม 2568 ซึ่งจะเชิญภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจากประเทศสมาชิกอนุภูมิภาคแม่โขง – ล้านช้างเข้าร่วม พร้อมรองรับการเข้าร่วมผ่านระบบออนไลน์ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของอนุภูมิภาคแม่โขง-ล้านช้าง เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยพัฒนาทักษะ เสริมสร้างนวัตกรรม และเตรียมความพร้อมรองรับเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเพื่อผลักดันประเทศไทย สู่การเป็น EV Hub ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สอดคล้องกับนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย” ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ในการเตรียมความพร้อมสำหรับการสัมมนา สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมพร้อมด้วยคณะผู้แทน สถาบันยานยนต์ และสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย รวมถึงผู้แทนภาคเอกชนจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ได้เดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง มณฑลเหอเป่ย และนครเทียนจิน สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อดำเนินกิจกรรมการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ ขับเคลื่อนการเสริมสร้างสมรรถนะทรัพยากรมนุษย์ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันภาคอุตสาหกรรม รวมถึงขยายเครือข่ายกับหน่วยงานด้านอุตสาหกรรมในสาขาอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน และระบบขับขี่อัตโนมัติระหว่างอนุภูมิภาคแม่โขง-ล้านช้าง
จากการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ทำให้ได้ทราบถึงข้อมูลนโยบายด้านการพัฒนาและการจัดการห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานสะอาด การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ การผลิตยานยนต์พลังงานใหม่ การบริการหลังการขาย รวมถึงการจัดการซากยานยนต์และชิ้นส่วนหลังจากหมดอายุการใช้งานเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีน ซึ่งมีทั้งนโยบายออกไปลงทุนทำตลาดในต่างประเทศ และเน้นการผลิตเพื่อจำหน่ายภายในจีน โดยมีเป้าหมายในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานเพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยต่าง ๆ โดยเฉพาะอุปทานในฝั่งวัตถุดิบของชิ้นส่วนสำคัญ
นอกจากนี้จีนยังให้ความสำคัญกับการสร้างความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับสถานีชาร์จไฟฟ้าทั่วประเทศ และระบบหัวชาร์จไฟที่มีประสิทธิภาพสูง รวมถึงมาตรการสนับสนุนการผลิตและใช้งานยานยนต์พลังงานสะอาดระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงด้วยหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ซึ่งช่วยเพิ่มผลิตภาพในการผลิตและลดการใช้ทรัพยากร ตลอดจนระบบนิเวศของศูนย์ทดสอบและการรับรองมาตรฐานที่สามารถจำลองการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของรถยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาของค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ให้มีการทดสอบคุณภาพของยานยนต์และชิ้นส่วนให้สอดรับกับมาตรฐานของจีนและมาตรฐานสากล
“ไทยมีโอกาสในการเสริมสร้างความสัมพันธ์เพื่อการพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมสาขายานยนต์และชิ้นส่วน รองรับการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานสะอาดโดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศในอนุภูมิภาคแม่โขง – ล้านช้าง ให้มีศักยภาพในด้านการวิจัยและพัฒนายานยนต์ พลังงานใหม่ รวมถึงเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ ศูนย์ทดสอบที่ทันสมัย เพื่อให้สามารถต่อยอดการพัฒนาความร่วมมือ ทั้งในด้านการลงทุน การถ่ายทอดเทคโนโลยี การจ้างงาน ตลอดจนการพัฒนาบุคลากรเพื่อให้สามารถก้าวเดิน ไปด้วยกันและผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV Hub) เอเชียแปซิฟิกต่อไป” นายภาสกร กล่าว.