‘กรมการค้าภายใน’ ยันหลังปรับลดใช้พลังงานทดแทน จาก B7 เป็น B5 ทำสต็อกในระบบดีขึ้น
“อธิบดีกรมการค้าภายใน” ระบุ! หลังติดตามสถานการณ์ราคาผลปาล์มอย่างใกล้ชิด ยืนยันการปรับลดการใช้พลังงานทดแทน จาก B7 เป็น B5 ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) จากกลุ่มไบโอดีเซลลดลง ทำให้การใช้น้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคมีแนวโน้มหดตัวลงตาม เชื่อจะส่งผลให้สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศมีเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์ม ภายใต้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะอนุฯ ได้ติดตามสถานการณ์ด้านการผลิตและความต้องการใช้น้ำมันปาล์มทุกสัปดาห์ โดยล่าสุดได้มอบหมายให้รองอธิบดี (นางสาวญาณี ศรีมณี) ประชุมร่วมกับผู้แทนเกษตรกร ภาคเอกชน ภาครัฐ ทั้งหน่วยงานกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพลังงาน และกรมศุลกากร เพื่อประเมินความต้องการใช้น้ำมันปาล์ม ภายหลังกระทรวงพลังงานมีการปรับสัดส่วนการผสมน้ำมันดีเซลจาก B7 เป็น B5 เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่า ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) จากกลุ่มไบโอดีเซลลดลง นอกจากนี้การใช้น้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคมีแนวโน้มลดลง จะส่งผลให้สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศมีเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การปรับสัดส่วนการผสมน้ำมันดีเซลดังกล่าว ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบลดลงประมาณเดือนละ 20,000 ตัน โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดการณ์ปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนพฤศจิกายนนี้ อยู่ที่ 1.026 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบที่อัตราสกัด 18% อยู่ที่ 0.185 ล้านตัน ขณะที่การส่งออกยังชะลอตัวจากราคาน้ำมันปาล์มดิบที่ปรับสูงขึ้นและการบริโภคในประเทศที่มีแนวโน้มปรับลดลง ส่งผลให้คาดว่า ปริมาณน้ำมันมันปาล์มดิบคงเหลือ ณ เดือนพฤศจิกายน อยู่ที่ 0.237 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากประมาณการเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยขณะนี้ ราคาน้ำมันปาล์มดิบ อยู่ที่ 41.75 บาท/กก. ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ซึ่งอยู่ที่ 42.13 บาท/กก. โดยมีปัจจัยสำคัญจากปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลก โดยเฉพาะมาเลเซียที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ อยู่ที่ 38.82 บาท/กก. จากสัปดาห์ก่อน 39.06 บาท/กก. และประเทศผู้นำเข้าอย่างจีนเริ่มชะลอการนำเข้าน้ำมันปาล์ม เนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาวการบริโภคน้ำมันปาล์มลดลง ส่งผลให้ราคาปาล์มน้ำมันในประเทศ มีแนวโน้มลดลงตามสถานการณ์ต่างประเทศ อยู่ที่ 7.55 บาท/กก. จากเดิม 7.70 บาท/กก.
ขณะด้านการผลิต สศก. ได้คาดการณ์ว่าในเดือนธันวาคม 2567 ผลผลิตปาล์มน้ำมัน 1.007 ล้านตัน ใกล้เคียงกับเดือนพฤศจิกายน อยู่ในระดับต่ำที่สุดของปี แต่คาดว่าในปี 2568 ผลผลิตจะทยอยออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมกราคม อยู่ที่ 1.235 ล้านตัน กุมภาพันธ์ อยู่ที่ 1.395 ล้านตัน และมีนาคม อยู่ที่ 1.816 ล้านตัน จะส่งผลให้สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน ด้วยเหตุนี้คณะอนุกรรมการฯ เห็นพ้องกันว่า การดูดซับปริมาณน้ำมันดิบในภาคพลังงานและการส่งออก ยังคงเป็นเหตุสำคัญในการบริหารสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ อย่างไรก็ตาม คณะอนุกรรมการฯ จะได้ติดตามสถานการณ์ปาล์มน้ำมันในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิดทุกสัปดาห์เพื่อพิจารณาแนวทาง และข้อเสนอการบริหารจัดการที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งเกษตรกรและผู้บริโภคอย่างเหมาะสมต่อไป
นายวิทยากรฯ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจ กรมการค้าภายใน ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ กำกับดูแลการรับซื้อผลปาล์มของเกษตรกรให้ได้รับความเป็นธรรม เหมาะสมสอดคล้องตามคุณภาพของทะลายปาล์มน้ำมัน โดยโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มต้องคัดแยกทะลายปาล์มดิบหรือไม่ได้คุณภาพอย่างเคร่งครัด รวมทั้งพี่น้องเกษตรกรต้องตัดปาล์มสุก เพื่อให้ได้เปอร์เซ็นต์น้ำมันที่ดี ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและเป็นผลดีต่อราคาที่เกษตรกรได้รับด้วย
ทั้งนี้ หากพบการกระทำความผิด หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมในการรับซื้อผลผลิต สามารถแจ้งสายด่วนกรมการค้าภายใน โทร 1569 หรือ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่.