เอสซีจีชูวิชัน ‘รับผิดชอบต่อสังคม’ สู่ธุรกิจเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
เอสซีจี คว้ารางวัล 2023-2024 Thailand’s Most Admired Company กลุ่มวัสดุก่อสร้างติดต่อกันมากว่า 10 ปี ประกาศชูวิชัน “รับผิดชอบต่อสังคม” หนุนธุรกิจให้เป็นมากกว่าวัสดุก่อสร้าง สู่ขั้นเป็นธุรกิจเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
ผลต่อเนื่องจากเมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลังจากที่กลุ่มธุรกิจเอสซีจีได้ทำการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ โดยธุรกิจวัสดุก่อสร้างเดิมได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง (SCG Smart Living)’ เพื่อมุ่งสู่ธุรกิจเพื่อการอยู่อาศัย รวมถึงวัสดุก่อสร้างและโซลูชันที่จะช่วยยกระดับการใช้ชีวิตของผู้คนในบ้าน อาคาร และสังคมให้ดียิ่งขึ้น
ล่าสุด นายวิโรจน์ รัตนชัยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง กล่าวว่า การปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อความคล่องตัวในการบริหารงาน เป็นการปรับที่สอดคล้องกับสภาวะตลาดและความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่ต้องทรานส์ฟอร์ม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันที่เปลี่ยนไปให้ได้มากที่สุด พร้อมกับสร้างการเติบโตทางธุรกิจด้วยการเป็นมากกว่าวัสดุก่อสร้าง สู่ ‘Smart Living’ ธุรกิจเพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน
สำหรับ รางวัล 2023-2024 Thailand’s Most Admire Company กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง คือภาพสะท้อนความตั้งใจของทุกส่วนในบริษัทฯ ว่าเราเข้าใจความต้องการลูกค้า สามารถพัฒนาสินค้า บริการ และโซลูชันที่ตอบโจทย์ได้อย่างรวดเร็วในราคาที่จับต้องได้ อีกทั้งมีทางเลือกที่ตรงใจสำหรับลูกค้า สร้างความน่าเชื่อถือด้วยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้วันนี้เอสซีจีได้รับเลือกเป็นบริษัทที่ผู้บริโภคเชื่อมั่นที่สุดแห่งปีอีกครั้ง ซึ่งเราพร้อมจะรักษาคุณภาพและมาตรฐานนี้ตลอดไป เพื่อให้ครองใจผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง”
3 Smart เรือธงธุรกิจ ‘เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง’ :
ภาพของธุรกิจสมาร์ทลีฟวิง ในวันนี้คือ การเติมสินค้า บริการ และโซลูชันที่ครอบคลุมตั้งแต่การสร้าง ต่อเติม อยู่อาศัย ทั้งการอยู่แบบคุ้มค่า สะอาดปลอดภัย สะดวกสบาย ดีต่อผู้อยู่อาศัยและดีต่อโลก โดยแบ่งออกเป็น 3 ธุรกิจ ได้แก่
Smart Product สินค้าวัสดุก่อสร้างที่มุ่งสู่การสร้างสังคม Net Zero และยังตอบโจทย์ผู้บริโภคเรื่องนวัตกรรม ความสวยงาม แข็งแรงทนทาน ด้วยการนำเทคโนโลยีและวัตถุดิบทางเลือก (Alternative Raw Materials) มาใช้ เพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและลดการใช้พลังงานในการผลิตให้มากขึ้น อาทิ วัสดุตกแต่งผนังไฟเบอร์ซีเมนต์ ได้มีการนำเส้นใยที่เป็น Renewable Fiber เช่น ยูคาลิปตัส มาเป็นส่วนผสมแทนการใช้ Virgin Fiber หรือใช้วัสดุรีไซเคิลจากกระบวนการผลิตในโรงงาน รวมไปถึงวัสดุเหลือทิ้งจากธุรกิจอื่น ส่งผลให้สินค้าที่ผลิตได้ปล่อยคาร์บอนน้อยลง ขณะที่ยังคงความแข็งแรง ทนทาน สวยงาม ตรงตามที่ลูกค้าต้องการ
Smart System การนำความรู้และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง การติดตั้ง และอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบกับสินค้า มาพัฒนาเป็นสินค้าที่เป็นระบบพร้อมติดตั้ง ช่วยแก้ปัญหาเรื่องงานติดตั้งให้เจ้าของบ้านหรือเจ้าของโครงการ และช่วยให้ผู้รับเหมาทำงานติดตั้งได้ง่ายและเร็วขึ้น นอกจากนี้ การจัดสินค้าเป็นระบบพร้อมติดตั้งหน้างาน ยังลดเศษวัสดุเหลือทิ้ง และเพิ่มประสิทธิภาพการอยู่อาศัยได้มากขึ้น อาทิ ระบบผนังกันร้อน ระบบผนังกันเสียง รวมถึงงานระบบอื่น ๆ ที่พร้อมต่อยอดสู่บริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า และยกระดับมาตรฐานการทำงานของผู้รับเหมาและ Eco-system
Smart Solution ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีโซลูชันเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีกว่า ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงาน สร้างสุขอนามัยที่ดี เพิ่มความปลอดภัยในอาคารและบ้านที่อยู่อาศัย อาทิ ระบบติดตั้ง SCG Solar Roof Solutions แบบครบวงจร สามารถติดตั้งได้โดยไม่ต้องเจาะหลังคา มีแอปพลิเคชันที่สามารถติดตามการทำงานของหลังคาโซลาร์ เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพการใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ระบบบำบัดอากาศเสียในอาคาร SCG Air Scrubber ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับระบบบำบัดอากาศในเรือดำน้ำ ติดตั้งแล้วในอาคารชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ SCG Active Air Quality เทคโนโลยีที่ช่วยลดฝุ่น PM 2.5 ในบ้าน ช่วยถ่ายเทอากาศ และเพิ่มอากาศบริสุทธิ์ เป็นต้น
ปรับตัวท่ามกลางความท้าทาย และเป้าหมายใหม่แห่งการเติบโต :
ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง ยังคงมุ่งมั่นสร้างการอยู่อาศัยที่ดีขึ้นไปพร้อม ๆ กับการสร้างความยั่งยืน แต่การปรับตัวครั้งใหม่นี้จะเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ โดยเป็นการพัฒนาร่วมกับพันธมิตรธุรกิจ รวมถึงการจับมือกับคู่ค้าและลูกค้าเพื่อสร้าง Value Chain ขององค์กร ส่งผลให้เกิดการปรับตัวที่รวดเร็วยิ่งขึ้น เท่าทันสถานการณ์มากขึ้น เข้าใจความต้องการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการเน้นไปที่บริการและโซลูชันที่ตอบโจทย์ได้มากกว่าแค่บริการ ด้วยการคำนึงถึงการอยู่อาศัยที่ดีตลอดอายุของตัวบ้านหรืออาคารที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของลูกค้า
นอกจากนี้ การปรับตัวที่ควรให้ความสำคัญที่สุดคือพนักงานและทีมงาน ที่ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน ปรับทัศนคติให้เน้นด้าน Customer-centric มากยิ่งขึ้น พร้อมจับมือกับหน่วยงานทั้งภายในและภายนอก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกัน และสร้าง Key Talent ให้เพียงพอกับแผนงานใหม่ รองรับการเติบโตของธุรกิจท่ามกลางความท้าทายครั้งใหม่นี้
“ท้ายที่สุด บริษัทฯ ขอขอบคุณการคัดเลือกจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่มอบความไว้วางใจและความเชื่อมั่นให้เอสซีจี ด้วยรางวัล 2023-2024 Thailand’s Most Admired Company ถือเป็นรางวัลแห่งความสำเร็จและความภาคภูมิใจของธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง และการขอบคุณที่ดีที่สุดที่บริษัทของเราจะทำให้แก่ทุกคนได้ก็คือ เราจะมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้า บริการ โซลูชัน เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้าตลอดไป” นายวิโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย.