ครึ่งปี65 “บ้านปู เพาเวอร์” ฟันกำไร 3,604ล้าน ลุยขยายพอร์ตสู่ 5,300เมกะวัตต์ ในปี 68

“บ้านปู พาวเวอร์” เผยครึ่งปีแรกของปี 65 มีกำไรสุทธิ 3,604 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67% โดยประสบความสำเร็จจาก การผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในเวียตนาม และ ไทย ตั้งเป้าขยายพอาร์ต 5,300 เมกะวัตต์ในปี 68

วันที่ 23 ส.ค.2565 นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากทั้งพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป (Thermal Power Business) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable Power Business) ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 3,604 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และ ค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) รวม 5,083 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการรักษาเสถียรภาพการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าทุกแห่ง รวมทั้งสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงด้านต้นทุนพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยส่งผลให้มีกระแสเงินสดมั่นคง

ทั้งนี้บริษัทยังคงมุ่งขยายพอร์ตธุรกิจตามกลยุทธ์ “Greener & Smarter” โดยประสบความสำเร็จในการลงทุนเพิ่มทั้งในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในเวียดนาม และธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานในไทย พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมาย 5,300 เมกะวัตต์เทียบเท่า ภายในปี 2568

“ในช่วงครึ่งปีแรก 2565 บริษัทยังคงให้ความสำคัญต่อการรักษาเสถียรภาพการผลิตของโรงไฟฟ้าทุกแห่ง และยังคงสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ ท่ามกลางสถานการณ์ต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นทั่วโลก รวมถึงการเข้าไปดำเนินงานในตลาดซื้อขายไฟฟ้าเสรีในสหรัฐอเมริกา ได้เพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้บริษัท เมื่อมีความต้องการใช้ไฟฟ้าในตลาดที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกันยังสามารถสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ จากการเข้าทำสัญญาอนุพันธ์ในสัดส่วนที่เหมาะสม บริษัทยังคงได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนเป็นอย่างดี สะท้อนจากผลตอบรับ จากการจองหุ้นกู้ จำนวน 5,500 ล้านบาท ในเดือนมิ.ย. 2565”นายกิรณ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2565 ส่วนหลักเกิดจากการเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าเอชพีซี (HPC) ในสปป.ลาว และ โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี (BLCP) ในไทยที่มีค่าความพร้อมจ่าย (Equivalent Availability Factor: EAF) สูงถึง 91% และ 94% ตามลำดับ ทำให้สามารถผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง นอกจากนี้ยังรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ Temple I ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น เนื่องจากมีปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วงเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาซื้อขายไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Combined Heat and Power: CHP) ทั้ง 3 แห่งในจีน มีปริมาณการขายและราคาขายไอน้ำเพิ่มขึ้น จากความต้องการของลูกค้าอุตสาหกรรมบางส่วนที่ฟื้นตัวกลับมา

ส่วนธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในช่วงไตรมาส 3/2565 คาดว่าจะรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชูง็อก (Chu Ngoc) กำลังผลิต 15 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์น็อนไห่ (Nhon Hai) กำลังผลิต 35 เมกะวัตต์ที่เวียดนาม เนื่องจากเสร็จสิ้นกระบวนการซื้อขาย รวมถึงมีโอกาสในการเพิ่มเมกะวัตต์จากการดำเนินธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป ตอบสนองนโยบายสนับสนุนการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาของรัฐบาลท้องถิ่นในมณฑลเจิ้งติ้ง ในจีนอีกด้วย นอกจากนี้บริษัทยังคงมุ่งมั่นสร้างการเติบโตในธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ผ่านการลงทุนในบ้านปู เน็กซ์ โดยล่าสุดได้ลงนามความร่วมมือกับ เชิดชัย มอเตอร์เซลส์ และดูราเพาเวอร์ สร้างโรงงานประกอบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในไทย ตั้งเป้ากำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ภายในปี 2569

“บริษัทดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักความยั่งยืนที่ประกอบด้วย สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (Environmental, Social, andGovernance: ESG) โดยสร้างการเติบโตทางธุรกิจและการลงทุนภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter เพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ของบริษัทให้ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้า และนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามา เพื่อพัฒนาการดำเนินธุรกิจให้ตอบสนองต่อรูปแบบการใช้พลังงานในอนาคต” นายกิรณ กล่าว

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password