“อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” ไม่ยืนยันจะขยายเวลาลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลลิตรละ 3 บาทที่จะสิ้นสุด 20 พ.ค.นี้ หรือไม่ ย้ำ! รอให้ถึงตอนนั้นก่อน แต่สั่งการให้กรมสรรพสามิตเกาะติดราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกแล้ว คาดปมปัญหารัสเซีย-ยูเครน น่าจะคลี่คลายเหมือนโควิดฯ ดึงราคาน้ำมันลงมาได้

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงมาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลบี 7 ในอัตราลิตรละ 3 บาท โดยปรับลดลงจาก 5.99 บาทต่อลิตร เหลือ 3.20 บาทต่อลิตร ตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบไปก่อนหน้านี้ ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะมีผลไปจนถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 โดยย้ำว่า การจะขยายเวลามาตรการดังกล่าวหรือไม่ คงต้องขึ้นกับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาด ณ ขณะนั้นว่าเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังมอบหมายให้กรมสรรพสามิตคอยติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด เชื่อว่าหากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยุติลง เหมือนเช่นที่ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มดีขึ้น ราคาน้ำมันดิบในตลาดก็ไม่น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น มาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลฯก็อาจไม่จำเป็นจะต้องมี แต่ในทางกลับกัน หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงอยู่ในอัตราที่สูง รัฐบาลคงมีมาตรการออกมารองรับเพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนตามความเหมาะสม

ด้าน นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต ยอมรับว่า มาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลฯ ในอัตราลิตรละ 3 บาท มีผลต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมฯบ้าง อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่ผ่านมา ถือว่าการจัดเก็บรายได้ของกรมฯ อยู่ในเกณฑ์ที่ดีและเป็นไปตามประมาณการ เนื่องจากรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการที่คุมเข้มหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดฯเริ่มดีขึ้น ซึ่งรายได้ของกรมฯ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการจัดเก็บภาษีจากการบริโภคของคนในประเทศ ซึ่งเมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ผู้คนเริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอยและเดินทางท่องเที่ยว ย่อมส่งผลดีต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมฯไปด้วย

“เรื่องที่กรมสรรพสามิตจะต่ออายุมาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลฯออกไปอีกหรือไม่ เป็นเรื่องใหญ่ในระดับนโยบาย ขึ้นกับการตัดสินใจของคณะรัฐมนตรี แต่ส่วนในของกรมฯ พร้อมจะเกาะติดสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอย่างใกล้ชิดต่อไป” อธิบดีกรมสรรพสามิต ระบุ.