มูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ สสน. ส.อ.ท. ชวนภาคอุตฯ “บริหารจัดการน้ำเชิงพื้นที่”

มูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ สสน. และ ส.อ.ท. จับมือ ชวนภาคอุตสาหกรรม “บริหารจัดการน้ำเชิงพื้นที่” เตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ของโลกที่เป็น Global Boiling

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการมูลนิธิอุทกพัฒน์ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ เป็นประธานเปิดงานและร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือ “การบริหารจัดการน้ำเชิงพื้นที่” บทเวทีเสวนา “Action Together for a Better Thailand : เทิด ด้วย ทำ ประเทศไทย ยั่งยืน” ภายในงานมหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน Sustainability Expo 2023 (SX2023) ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ โดยมี ดร.รอยล จิตรดอน กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิอุทกพัฒน์ในพระบรมราชูปถัมภ์ (อพ.) ดร.รอยบุญ รัศมีเทศ ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) และ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมลงนาม

ดร.สุเมธ กล่าวว่า สถานการณ์โลกเริ่มจาก Global Warning คือโลกเตือนเรามาก่อนแล้ว ต่อมาคือ Global Warming สภาพภูมิอากาศโลกเปลี่ยนแปลง ไม่เป็นตามฤดูกาล และปีนี้ทุกคนต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ของโลกที่เป็น Global Boiling ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ได้พระราชทานแนวทางไว้หมดแล้ว ตั้งแต่นภา ผ่านภูผา จนถึงมหานที มีตัวอย่างพื้นที่จริงให้เห็น ฉะนั้นทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน ต้องร่วมมือกันดำเนินตามแนวพระราชดำริ เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันให้คนรุ่นต่อไป

“จากการน้อมนำแนวพระราชดำริของรัชกาลที่ 9 มาปฏิบัติจนเห็นความสำเร็จของการบริหารจัดการทรัพยากร ดิน น้ำ ป่า และทำให้เกิดพื้นที่ตัวอย่างเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริแล้ว 26 แห่ง นับเป็นความสำเร็จที่ชุมชนดำเนินงานจากล่างขึ้นบน แก้ปัญหาพื้นที่แบบพึ่งตนเอง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด คือ จากเขาหัวโล้นเป็นวนเกษตร และปัจจุบัน มีน้ำกิน น้ำใช้ตลอดปี มูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ ได้ร่วมกับชุมชนกว่า 1,800 หมู่บ้าน บริหารจัดการน้ำ ความสำเร็จนี้ ได้เห็นพัฒนาการ ชุมชนเข้มแข็ง มีระบบคิด ระบบงาน ระบบจัดการ ผลที่เกิดขึ้นนี้สำคัญมากกว่าสร้างโครงสร้างต่างๆ เสร็จ วันนี้ ผมได้เห็นเครือข่ายความร่วมมือที่จะขยายผล ทำงานตามแนวพระราชดำริ ให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งสำคัญกว่าโครงสร้างที่ เรา จะร่วมกันสร้างต่อไป” ดร.สุเมธ กล่าว

สำหรับการลงนามความร่วมมือดังกล่าว สืบเนื่องมาจากการเล็งเห็นถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์น้ำของประเทศในปัจจุบัน ทั้งปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้ง ทั้ง 3 หน่วยงาน จึงมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบการบริหารจัดการน้ำของประเทศให้เกิดเสถียรภาพและมีความมั่นคงต่อความต้องการใช้น้ำในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม โดยทั้ง 3 หน่วยงานจะร่วมกันดำเนินงานให้เกิดการเชื่อมโยง แลกเปลี่ยน พัฒนา และประยุกต์ใช้คลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ สำหรับการบริหารจัดการน้ำ ให้เกิดการพัฒนาต้นแบบการบริหารจัดการน้ำเชิงพื้นที่ พร้อมส่งเสริมให้บุคลากร เครือข่ายสมาชิกภาคอุตสาหกรรม และผู้เกี่ยวข้อง มีความรู้ความเข้าใจ ด้วยการพัฒนาฐานข้อมูลด้านน้ำให้ครอบคลุมครบถ้วนทุกมิติ รวมไปถึงส่งเสริมการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำชุมชนของมูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ การใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำของ สสน. รวมทั้งดำเนินงานร่วมกับเครือข่ายสมาชิกภาคอุตสาหกรรมของ ส.อ.ท.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password