“รักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ” คนใกล้ชิด “ดร.สมคิด” ชี้ช่องชาวสหกรณ์ 12 ล้านคนทั่วไทย เร่งสร้างตัวแทนการเมืองของตนเอง เพื่อให้เข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯ หวังฉุดระบบสหกรณ์ไทยก้าวขึ้นมาเข้มแข็ง เผย! ถึงเวลาแล้วที่ต้องลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อกลุ่มสหกรณ์กันเอง

บนเวทีเสวนา หัวข้อ “เศรษฐกิจจะฟื้นหรือทรุด สหกรณ์จะหยุดวิกฤติเศรษฐกิจไทยได้อย่างไร?” ที่ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.) ได้จัดเสวนาขึ้น เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 เนื่องในวันสหกรณ์แห่งชาติปี 2565 และเป็นปีที่สหกรณ์ไทยมีอายุครบรอบ 106 ปี ณ ศูนย์การประชุมรัชนีแจ่มจรัส สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย เขตดุสิต กทม.

มีประเด็นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกับมุมของ นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีกหลายกระทรวง ได้หยิบยกขึ้นมาพูดคุยกับคณะผู้บริหาร ตัวแทน และสมาชิกของระบบสหกรณ์ทั่วประเทศราว 12 ล้านคน ผ่านการถ่ายทอดสดในระบบออนไลน์นั้น… 

ถือเป็นการจุดประกายและสร้างประเด็นความหวังขึ้นในใจของเกี่ยวข้องกับระบบสหกรณ์ได้อย่างมากมาย

โดยเฉพาะประเด็นที่ สมาชิกสหกรณ์ราว 12 ล้านคน เคยฝากความหวังไว้กับใครบางคน ไม่ว่าจะเป็น…นักการเมืองหรือพรรคการเมืองนั้น คงต้องเลิกหวังกันเสียที เพราะวันเวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์เป็นอย่างดีแล้วว่า…

ใครกันที่รักจริงหวังจะมีอนาคตที่ดีร่วมกัน และใครกันที่หวังเพียงแอบอิงคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง พอเสร็จสมอารมณ์หมายก็ทิ้งกันไป….หายหน้าแบบไม่มีเห็นหัวกันเลย

นายรักษ์พงษ์ เสนอว่า….ถึงเวลาแล้วที่สมาชิกสหกรณ์ทั่วประเทศทั้ง 12 ล้านคนจะต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเพื่อตัวเอง และอย่าได้ไปฝากความหวังไว้กับใครคนหนึ่งคนใดอีกต่อไป หากใครจะมาเสนอคำมั่นสัญญา หรือเข้ามาเสนอความช่วยเหลือคงต้องพิจารณากันให้ดีๆ สมาชิกสหกรณ์ทราบกันดีว่า…สิ่งที่พวกเราได้หวังกันมาหลายปีนั้น มันสำเร็จตามความประสงค์หรือไม่ ทั้งนี้ หากมัวแต่รอคอยความหวังจะปีหน้าหรือปีไหนเราก็จะทำได้แค่บ่นถึงเรื่องปัญหาเดิม ๆ เหมือนเช่นวันนี้อีก 

จึงอยากฝากให้ชาวสมาชิกสหกรณ์ทั่วประเทศ ได้พิจารณาถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่พวกเรา ควรเริ่มรวมตัวกัน หารือและพูดคุยเพื่อค้นหาผู้แทนของตนเอง ให้เข้ามาทำงานเพื่อสหกรณ์อย่างแท้จริง เพราะมีแต่สมาชิกชาวสหกรณ์เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าใจปัญหาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างแท้จริง ดังนั้น อย่าปล่อยให้ใครมาครอบงำและควบคุมตนเองอีก โดยตนเองจะขอเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกชาวสหกรณ์ด้วย“ถ้าสมาชิกสหกรณ์รวมตัวกันทำอะไรซักอย่าง เช่น เลือกผู้นำ ตั้งรัฐมนตรี เชื่อว่าทำได้ และสามารถแก้ปัญหาได้ นี่คือศักยภาพในแง่จำนวนคน ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องรอให้คนจำนวนน้อยมาช่วยเรา เพื่อมาดูว่าใครจะมากำกับเรา รอว่าจะแก้ไขกฎหมายเมื่อใด ใครจะสงสารเราบ้าง ใครจะทำเงินให้เราบ้าง มันไม่ถูก โดยเฉพาะสันนิบาตสหกรณ์ฯ ถือว่าเป็นผู้รวบรวมสหกรณ์ไว้ด้วยกันทั้งหมดต้องนำปลุกใจสหกรณ์ให้มารวมตัวกันทุกมิติ ลุกขึ้นมาสร้างคะแนนเสียงเพื่อเปลี่ยนแปลงกติกาเราเอง สิ่งใดที่ติดขัดก็จะสามารถแก้ไขด้วยตัวเองได้ เราอย่าฝากความหวังกับคนภายนอก”นายรักษ์พงษ์ ระบุ.