‘รักษ์พงษ์’ คนตรงปก! กับภารกิจขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของพรรค สอท.

ทำไมต้องเป็น ‘รักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ’ กับภารกิจสร้างโอกาสแห่งความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน ให้กับ ‘คนฐานราก’ ของพรรคสร้างอนาคตไทย นั่นเพราะความ “ตรงปก” กับบทบาทประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนงานด้านเศรษฐกิจฐานราก หรือไม่?

ไม่เป็นนั่งร้านให้ใคร? ชัดเจนในเจตนารมณ์ที่ พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ยืนยันจะสนับสนุนให้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ก้าวขึ้นเป็นผู้ท้าชิงเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรีคนต่อไป” ในฐานะแคนดิเดต “เบอร์ 1” ของพรรคฯ

นายสมคิด ถูกมองว่าเป็น “ต้นทาง” ของสาแหรกพรรคการเมืองที่มีฐานสนับสนุนหลักเป็นกลุ่มชนชั้นกลางของสังคมไทย และสิ่งนี้…นำมาซึ่งการ “รับและส่งต่อ” แนวคิด ทฤษฎี และอุดมการณ์ทางการเมืองที่ชัดเจนในจุดยืนของตัวเอง สอดรับกับแนวทางสร้างอนาคตที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดกับประเทศไทยในทุก ๆ มิติของพรรคฯ

ทว่า…หลายองค์ประกอบสำคัญข้างต้นที่จะนำไปสู่การกำหนดนโยบายของพรรคฯในท้ายที่สุดนั้น อาจไม่จำกัดวงเฉพาะการ “โฟกัส” นโยบายไปยังกลุ่มชนชั้นกลาง หากยังหมายรวมถึง…คนกลุ่มใหญ่ที่กระจายตัวในทุกอณูพื้นที่ “เหนือ กลาง อีสาน ใต้ ตะวันออกและตก” ของประเทศไทย

นั่นก็คือ กลุ่มคนฐานราก ที่มีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 70 ของคนในประเทศนี้

สิ่งยืนยันที่ชัดเจนสุด! คือ การประกาศแนวนโยบายจากพรรคฯ ผ่าน “โฆษกพรรคฯ” นายนริศ เชยกลิ่น รองหัวหน้าพรรค ที่ระบุเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ว่า พรรคสร้างอนาคตไทย ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนงานของพรรคด้านต่าง ๆ จำนวน 7 ด้าน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายด้านต่าง ๆ และเป็นนโยบายที่ทำได้จริง ไม่ใช่การสร้างขึ้นมาเพียงเพื่อหาเสียงเท่านั้น

“ในการดำเนินงานของคณะต่าง ๆ จะสนับสนุนการจัดทำนโยบายของพรรคฯที่มีประสิทธิภาพ เป็นนโยบายที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการพัฒนา การแก้ปัญหา และการสนับสนุนต่อยอดในสิ่งที่สังคมดำเนินการอยู่แล้ว” โฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย ระบุ

สำหรับคณะกรรมการขับเคลื่อนงานของพรรคด้านต่าง ๆ จำนวน 7 คน ประกอบด้วย

1. นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ อดีตผู้อำนวยการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนงานด้านเศรษฐกิจฐานราก

2. นางสาวโชนรังสี เฉลิมชัยกิจ ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนงานด้านผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

3. นายพงศ์พรหม ยามะรัต ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาเมือง

4. นายมนต์ชีพ ศิวะสินางกูร ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนงานด้านการศึกษาและเยาวชน

5. นายโอฬาร วีระนนท์ ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนงานด้าน Startup และนวัตกรรม

6. นายจิรมิตร เกษร ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนงานด้านเกษตรยั่งยืนและเกษตรวิถีใหม่

7. นายสรรเพ็ชญ ศรีสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนงานด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ ยังได้มีการแต่งตั้ง รองโฆษกเพิ่มเติมอีก 2 คน เพื่อทำงานเชิงรุกที่สอดประสานทั้งด้านนโยบายและด้านการสื่อสาร ได้แก่ นายมนต์ชีพ ศิวะสินางกูร และนางสาวนงลักษณ์ ทุงจันทร์

กับมุมมองใน มิติด้านการสื่อสาร แล้ว “ทีมข่าวยุทธศาสตร์” เห็นว่า… “7 ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนงานด้านต่าง ๆ ของพรรคสร้างอนาคตไทย” นั้น หลายคนถือว่า “ตรงปก” เพราะเคยสร้างผลงานให้ปรากฏจนเป็นที่รู้เห็นของสังคมไทยมาก่อนแล้ว แม้ว่าบางคนอาจจะเป็นคนเก่ง แต่ยังต้องใช้เวลาและผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์กันเสียก่อน

ในกลุ่ม “ตรงปก” ที่ได้รับการแต่งตั้งให้มาดำเนินในภารกิจสอดประสานกับสายงานที่ตัวเองเคยทำมาก่อนแล้ว  หนึ่งในนั้น…มีชื่อของ นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ อดีตผู้อำนวยการ กทบ. อยู่ในอันดับต้น ๆ ของคณะกรรมการขับเคลื่อนงานฯชุดนี้

“ทีมข่าวยุทธศาสตร์” ยืนยันว่า…นายรักษ์พงษ์ หรือ “เปิ้ล” นั้น เป็นมากกว่า “ลูกศิษย์ก้นกุฏิ” ของ นายสมคิด สมัยที่…ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย คนนี้…ยังไม่ได้เข้าสู่ถนนสายการเมือง และเป็นแค่…อาจารย์สอนหนังสืออยู่ในสถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า) ขณะที่ นายรักษ์พงษ์ เอง ก็สวมบทเป็นเพียง…นักศึกษาระดับปริญญาโท ทางด้าน MBA (ดีกรีเกียรตินิยมอันดับ 1) กับสถาบันการศึกษาแห่งนี้ (เรียนจบปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) เท่านั้น

ด้วยความผูกพันต่อเนื่องกันมา นับจากวันที่ นายสมคิด หันเหสู่เส้นทางการเมือง กับตำแหน่ง “รมว.คลัง” ในรัฐบาลทักษิณ 1 เมื่อปี 2544 ก็ได้ “เปิ้ล” คนนี้ มาทำหน้าที่เป็น…เลขานุการส่วนตัว คอยจัดการคิวงาน ทั้งงานหลวงและงานราษฎร์…ให้เรื่อยมา

“เปิ้ล” หรือ นายรักษ์พงษ์ จัดเป็น “คนอยู่เบื้องหลัง” คอยดีลงานให้กับ นายสมคิด มาโดยตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนหลายคนเชื่อว่า เขาคือ “ร่างทรงของ นายสมคิด”…กระทั่ง ได้รับการผลักดันอย่างจริงจัง ในช่วงที่ นายสมคิด เป็น รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ให้กับ “รัฐบาลประยุทธ์ 2” เพื่อให้มาทำหน้าที่ “คนแถวหน้า” กับภารกิจขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ผ่านกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563

แม้ว่า นายรักษ์พงษ์ จะนั่งเก้าอี้ในตำแหน่งนี้ได้เพียงปีเดียว อันมีมูลเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงในทางการเมือง หลังจาก นายสมคิด ได้ประกาศลาออกจากรัฐบาลประยุทธ์ 2 ตามแรงกดดันภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่เกิดขึ้นกับ “กลุ่มสี่กุมาร” (นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) ก่อนหน้านั้น

ทว่า…ในช่วงที่ นายรักษ์พงษ์ ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการ สบท.นั้น ได้สร้างปรากฏการณ์ความเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย และนำมาซึ่งการสร้างเศรษฐกิจฐานรากที่เข้มแข็ง ให้เกิดขึ้นกับสมาชิกของกองทุนหมู่บ้านฯอย่างแท้จริง

แนวคิดและแนวทางในการทำงานที่สำคัญของ นายรักษ์พงษ์ ณ ห้วงเวลานั้น ก็คือ การตัดทิ้งการใช้จ่ายเงินงบประมาณที่ฟุ่มเฟือยและไม่จำเป็นออกไป โดยเฉพาะ งบว่าจ้าง “บริษัทออแกนไนซ์” มารับจัดงานอีเว้นท์ระดับชาติ โดยไม่ก่อประโยชน์ใด ๆ ต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม โดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานราก นั้น ช่วยให้ กทบ.ประหยัดเงินงบประมาณในส่วนนี้….ได้นับพันล้านบาทเลยทีเดียว!

และแม้ว่า…เขาจะไม่ได้ตัดทิ้งบทบาท “การปล่อยสินเชื่อ” ให้กับสมาชิกฯ ที่นับเป็นช่องทางหลักในการสร้างผลกำไรจำนวนมหาศาลแก่หลาย ๆ กองทุนฯ ก็ตาม ทว่า…ก็ไม่ได้ให้การสนับสนุนอย่างออกนอกหน้า ด้วยความเชื่อที่ว่า…บทบาท “การปล่อยสินเชื่อ” เพียงอย่างเดียวนั้น ไม่ได้ก่อประโยชน์ต่อภาคการผลิต ไม่ได้ส่งเสริมการสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับสมาชิกฯสักเท่าใดนัก

นั่นจึงนำไปสู่การสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ โดยที่ นายรักษ์พงษ์ สวมบท “ผู้นำองค์กร” เดินสายลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกองทุนหมู่บ้านในภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย ชนิดถี่ยิบและทำอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับสร้างความเชื่อมโยงของเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น ด้วยการจัดให้มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกองทุนหมู่บ้านด้วยกันเอง ทั้งในรูปแบบของการซื้อขายแบบใช้เงินสด และ “บาร์เตอร์เทรด” (สินค้าแลกสินค้า)

รวมถึง เร่งเดินหน้าสร้าง “แพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์” เพิ่มโอกาสการขายสินค้าให้กับกองทุนหมู่บ้านและสมาชิกฯ ไปยังกลุ่มผู้ซื้อทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

อีกทั้ง ยังส่งเสริมให้มีการสร้างมาตรฐานสินค้าของแต่ละกองทุนหมู่บ้านฯ เพื่อให้เป็นที่รู้จัก ยอมรับ และเกิดความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค ทั้งภายในกองทุนหมู่บ้านด้วยกันเอง และผู้บริโภคทั่วไป

นอกจากนี้ นายรักษ์พงษ์ ยังส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการสร้างระบบการขนส่งสินค้า ทั้ง ภายในชุมชนฯ โดยจัดตั้งกลุ่มรับส่งสินค้าในระยะใกล้ ๆ ผ่านการใช้บริการของรถจักรยานยนต์ หรือรถกระบะ และ ภายนอกชุมชนฯ โดยประสานความร่วมมือกับ บริษัทโลจิสติกส์ ทั้งที่เป็นของภาครัฐและเอกชน รวมถึง บริษัทขนส่งจำกัด (บขส.) และ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่จะช่วยขนส่งสินค้าได้ที่ละจำนวนมาก ๆ และในพื้นที่ที่อยู่ห่างไกล

แม้ว่า…วันเวลาในการทำหน้าที่ ผู้อำนวยการ กทบ. ของนายรักษ์พงษ์ จะสั้น! แค่เพียงปีเดียว

ทว่า…สิ่งที่เขาได้วางรากฐานเอาไว้ แต่ขาดการส่งเสริมและสนับสนุนในวันที่ไม่มีเขาอยู่นั้น สิ่งนี้…ก็พร้อมจะสานต่อได้ทันที! หากรัฐบาลสมัยหน้า…จะมองเห็นคุณค่าความสำคัญของการสร้างระบบเศรษฐกิจฐานรากในอนาคตอันใกล้

“ทีมข่าวยุทธศาสตร์” เชื่อว่า… ยุทธศาสตร์ของพรรคสร้างอนาคตไทย ที่ได้แต่งตั้งให้ นายรักษ์พงษ์ ดำรงตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนงานด้านเศรษฐกิจฐานราก นั้น ถือว่า “ตรงปก” ถูกคนถูกที่ถูกเวลามากที่สุด!

ส่วนผลงานที่จะมีและเกิดขึ้นตามมานั้น จะยังผลให้พรรคการเมืองพรรคนี้ ได้มีโอกาสเข้าร่วมรัฐบาลสมัยหน้า และรับผิดชอบภารกิจขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับฐานรากได้หรือไม่นั้น? เป็นเรื่องของอนาคต!!!

แต่หาก ปัจจุบัน…ที่จำต้องกลายเป็นอดีตของอนาคต นั้น ประธานคณะกรรมการฯชุดนี้ และอีก 6 ชุดของพรรคสร้างอนาคตไทยสามารถจะทำได้ดี และเป็นความหวังของคนระดับฐานราก กลุ่มคนที่มีสัดส่วนมากที่สุดและกระจายตัวอยู่ในทั่วทุกภาคของประเทศ ล่ะก็

เสียงเพรียกร้องของคนระดับฐานราก จะดังกึกก้องกังวาน และสะท้อนกลับไปยังพรรคการเมืองแกนนำรัฐบาลสมัยหน้า เพื่อให้ส่งเทียบเชิญเข้าร่วมภารกิจสำคัญของรัฐบาลชุดต่อไป…

ยกเว้น! นักการเมืองด้วยกัน จะทำตัวเป็น “ปลาคนละน้ำ” หรือเป็น “น้ำกับน้ำมัน” ถึงขั้น…“ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ!” ล่ะก็…

ถึงตรงนั้น…ต่อให้มี ความเก่งและความตรงปกแค่ไหน? ก็ช่วยไม่ได้!!!.

โดย…ทีมข่าวยุทธศาสตร์ 001

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password