รมว.คลังฝันเห็นจีดีพีไทยโต 4% รับคุมเงินเฟ้อบางช่วงได้ยาก!

“อาคม” ทั้งหวังและฝันจะเห็นจีดีพีปี’65 โตแตะ 4% ยอมรับบางช่วงเงินเฟ้อพุ่งเกินกรอบที่กำหนดไว้ 3% พร้อมสั่งแบงก์ชาติและก.คลัง เกาะติดปัญหาเงินเฟ้อ เผย! นายกฯจี้ “2 รองฯ” เร่งแก้ราคาน้ำมันแพงและหมูพุ่ง

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดการสัมมนา “ศักราชใหม่…ความหวัง (หรือแค่ฝัน) ประเทศไทย 2022″ พร้อมปาฐกถาพิเศษ “แรงขับเคลื่อนประเทศไทยในศักราชใหม่ 2022″ ณ ห้องประชุมชั้น 18 อาคาร 24มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 20 มกราคม 2565 โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า แม้สถานการณ์ที่ประเทศกำลังเผชิญภาวะโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน รวมถึงภาวะราคาสินค้าและราคาน้ำมันแพงขึ้น จนอัตราเงินเฟ้อพุ่งเกินกรอบที่วางไว้ 1-3% แต่รัฐบาลยังคาดหวังอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยในปีนี้ จะยังเติบโตในระดับ 3.5-4%

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีไม่ได้นิ่งนอนต่อสถานการณ์ดังกล่าว โดยมอบหมายให้ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ลงไปดูแลในเรื่องราคาพลังงานเพื่อให้มีเสถียรภาพ โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซล ได้ตรึงราคาไว้ไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร พร้อมกับกำชับให้ นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ รวมถึง รมว.เกษตรและสหกรณ์ เข้าไปแก้ไขปัญหาราคาหมูที่แพงขึ้น

นายอาคม ย้ำว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงคลัง ติดตามสถานการณ์ข้างต้นอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เงินเฟ้อเกินกรอบที่กำหนดไว้ที่ 1-3% โดยยอมรับว่ามีบางช่วงที่อาจเกินกรอบไปบ้าง พร้อมกับยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลไม่ให้เงินเฟ้อเกินกรอบ 3% ทั้งนี้ ภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว เชื่อว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทย  

“ในส่วนแรงขับเคลื่อนของภาครัฐนั้น รัฐบาลยังมีเม็ดเงินอีก 2 ก้อน ราว 9 แสนล้านบาท แบ่งเป็นก้อนแรก 6 แสนล้านบาท ที่เป็นงบประมาณผูกพันและจะต้องใช้ภายในปีนี้ อีกก้อนราว 3 แสนล้าน เป็นงบประมาณลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ที่จะไหลเข้าสู่ระบบ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีงบประมาณอื่น ๆ ที่จะเข้าสู่ระบบ ได้แก่ งบลงทุนของภาคเอกชนในโครงการ EEC และท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 รวมถึงโครงการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ที่จะมีตามมาอีก” รมว.คลัง ย้ำ.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password