สกัด! ‘แรงบีบ’ เศรษฐกิจ???

สัญญาณเข้มแข็ง! ของไทย…แยกการค้าออกจากปมความมั่นคง หยุดแรงบีบ! ถูกจับเป็น “ตัวประกัน” หลังสหรัฐฯหวังใช้ปมชายแดนไทย กดทับเศรษฐกิจ ตามแผน “จัดแถว” โลกใบใหม่ การเดินเกมแยกวงเจรจาอย่างตรงไปตรงมา และหนักแน่น! นั่นคือ…การรักษาศักดิ์ศรี ควบปกป้องผลประโยชน์ประชาชนอย่างถึงที่สุด!

คำพูด “ผู้นำมาเลเซีย” นายอัลวาร์ อิบราฮิม ในบริบท “ประธานอาเซียน” เชื่อถือได้แค่ไหนกัน???

ก่อนหน้านี้…เป็นเขาที่ได้โทรศัพท์มาหา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทย เพื่อแจ้งข่าวดี!!??

อ้างว่า…ตัวเขาได้โทรศัพท์พูดคุยกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯแล้ว โดยสหรัฐฯยืนยันจะไม่นำปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา มาข้องเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับไทย

แต่จากภาพข่าวในสื่อต่างประเทศ ที่ ปธน.ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์สื่อ…กลับตรงกันข้าม!

“ผู้นำสหรัฐฯ” ยังยืนยัน…จะใช้มาตรการการค้าแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา นั่นก็หมายความว่า…สิ่งที่ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ได้แจ้งระงับการเจรจาชั่วคราวการค้ากับไทย จนกว่าไทยจะกลับเข้าสู่พันธะข้อตกลง ตาม “แถลงการณ์ร่วม” (Joint Declaration) กับกัมพูชา ก่อนหน้านี้…

นาทีนี้…การระงับการเจรจาชั่วคราวยังคงมีผลบังคับใช้…จนกว่าจะมีหนังสือยืนยันอย่างเป็นทางการจาก USTR ส่งมาถึงฝ่ายไทย!!!

เครดิตของผู้พิสมัย “หนมน้า!” ยังคงตามหาไม่เจอ???

แม้ระหว่างนี้…รัฐบาลไทย โดยเฉพาะ กระทรวงพ่อ(แม่)ค้า อย่าง…พาณิชย์ ภายใต้การนำของ “สาวเก่ง – ว่าการฯ” นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ จะ “เปิดหน้า” เดินสายเจรจาการค้า เพื่อหาและขยายตลาดเก่า-ใหม่ กับหลายๆ ประเทศ/กลุ่มประเทศ

โดยเฉพาะ 3 ชาติยักษ์ใหญ่ อย่าง…แคนนาดา, อินเดีย และรัสเซีย รวมถึง กรอบความร่วมมือ FTA กับอีก หลายชาติและกลุ่มประเทศ เช่น EU,  EFTA, ตะวันออกกลาง, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ฯลฯ

ไม่นับรวมกลุ่มที่ได้ทำ FTA ไปแล้วก่อน และเร่งปรับเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน

ทว่า…ในระยะสั้นถึงกลาง ต่อให้ไทยเจรจาได้ครบทุกชาติ และทุกกลุ่มประเทศ ก็ยังไม่อาจเทียบเท่ามูลค่าการค้ากับสหรัฐฯ กระทั่ง ชดเชยความเสียหายทางการค้า (ส่งออก) ไปยังตลาดที่ใหญ่สุดของไทย ซึ่งมี สัดส่วนมูลค่าการส่งออกสูงถึง 18% ของมูลค่าส่งออกของไทย ทั้งหมด…ได้

นั่นก็หมายความว่า…ไทยยังคงต้องเหนื่อยต่อไป!!! หากคิดจะ “หยุดหรือชะลอ!” ทำการค้ากับ…ชาติมหาอำนาจ ทั้งทางการเมืองระหว่างประเทศ, ทางการทหาร และทางด้านเศรษฐกิจ “เบอร์ 1” ของโลก

แม้ ทั่วโลกจะเห็นใจไทย และ ชี้หน้าไปยังสหรัฐฯ ว่า…“ทำไม่ถูก” ที่นำเรื่องปัญหาความมั่นคงด้านชายแดนของไทย มาเกี่ยวข้องกับเรื่องเศรษฐกิจการค้า ในลักษณะ “สร้างแรงกดดัน!” กับฝ่ายไทย…

แต่คงไม่มีผลต่อการตัดสินใจของ ปธน.ทรัมป์ แน่!!!

กระนั้น ความพยายามของฝ่ายไทย ที่ได้แสดงท่าที “มั่นคงกว่าที่คาด” และ เดินเกมแยกเรื่องความขัดแย้งออกจากวงเจรจาการค้าได้อย่างมีชั้นเชิง

น่าจะทำให้ การเดินเกม ครั้งนี้…ไม่ได้แคบอย่างที่หวาดกลัวกัน? โดย นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล เคยให้สัมภาษณ์กับนักข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลัง การประชุม ครม.เศรษฐกิจ ก่อนหน้านี้ ในทำนอง…

“ไทยไม่ต้องการให้ข้อขัดแย้งชายแดน ถูกใช้เป็นเหตุผลทำร้ายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประชาชน สิทธิประโยชน์ทางการค้าไม่ควรถูกนำมาเป็นตัวประกันของสถานการณ์ที่ไม่มีใครต้องการ”

คำพูดนี้…คือ “สัญญาณตรง!” จากฝ่ายบริหาร ว่า…รัฐบาลรู้ทันเกมแรงกดดัน และตั้งใจรักษาสมดุลด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างรอบคอบ

น้ำหนักของท่าทีไทยยิ่งชัดขึ้น! เมื่อ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและรมว.คลัง ในฐานะ “หัวหน้าคณะเจรจาภาษีไทย–สหรัฐฯ” หรือ “ทีมไทยแลนด์” ออกมายืนยันเมื่อ 14 พ.ย.ว่า…

“การเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ยังคงเป็นไปตามกรอบเดิม ไม่มีการระงับหรือชะงักตามที่ถูกตีความ” พร้อมอธิบายว่า…จดหมายจาก USTR ที่ถูกมองว่าเป็นสัญญาณลบ “เป็นเพียงความคลาดเคลื่อนของเวลาในการสื่อสารทางการทูต” เนื่องจากเกิดขึ้น ก่อนที่ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ นายอัลวาร์ และถูกส่งต่อมายัง “ผู้นำไทย”

รองนายกฯเอกนิติ ยังเผยด้วยว่า…ไทยได้ส่งหนังสือถึง USTR อย่างเป็นทางการ เพื่อขอให้ยืนยันความชัดเจน และคาดว่าจะได้ข้อสรุปรายสินค้าภายในสิ้นปีนี้

พร้อมกับยืนยันว่า…“ไทยแยกแยะปัญหาความขัดแย้ง ออกจากการเจรจาการค้าอย่างชัดเจน ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี”

เป็นการ “แยกวง” อย่างเป็นระบบ! เพื่อไม่ให้ความร้อนแรงชายแดน มากระทบห่วงโซ่เศรษฐกิจระดับชาติแบบเหมารวม

ในฝั่งสหรัฐฯ แม้จะส่ง สัญญาณเข้มงวด เรื่องกฎแหล่งกำเนิดสินค้า และจับตาปัญหา “สินค้าจีนผ่านไทย”อย่างหนัก แต่การที่ นายเอกนิติ ออกมาระบุว่า…

“สหรัฐฯ เองต้องการกลับเข้ากระบวนการเจรจาการค้ากับไทยเช่นกัน”


สะท้อนว่า…ทั้ง 2 ฝ่าย ยังต้องพึ่งพากันใน “ระดับโครงสร้าง” โดยเฉพาะ…บริษัทเทคโนโลยีและยานยนต์ของสหรัฐฯ ที่ใช้ไทยเป็นฐานผลิตชิ้นส่วนสำคัญ ซึ่งการจะ “ตัดออก” จาก…ระบบห่วงโซ่การผลิตและการค้า ทำได้ยากมาก!!!

ก่อนหน้านี้ นางศุภจี รมว.พาณิชย์ ที่อยู่ระหว่างเดินทางไปร่วมกิจกรรมการค้าที่สหรัฐฯ ได้ประชุมผ่านระบบออนไลน์ จากกรุงวอชิงตัน ร่วมกับ “ทีมไทยแลนด์” และกล่าวว่า…
“ไทยพร้อมเดินหน้าการเจรจาในทุกประเด็นเทคนิค แต่จะไม่ยอมให้การเมืองระดับภูมิภาคมากระทบผู้ประกอบการไทยโดยไม่จำเป็น”

พร้อมกับระบุว่า…ตลาดสหรัฐฯ ถือเป็นตลาดสำคัญ แต่ไทยก็ต้องยืนอยู่บน “หลัก” ความเป็นธรรมและความโปร่งใส เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นระยะยาวทั้ง 2 ฝ่าย

น้ำเสียงที่สอดคล้องกัน ทั้งจาก…ผู้นำรัฐบาล, รัฐมนตรีคลัง และรัฐมนตรีพาณิชย์ ส่งผลให้ “ยุทธศาสตร์” ของไทยชัดเจนขึ้น ในทำนอง…

ประเทศไทยไม่ได้ตั้งใจ “ปะทะหรือตอบโต้ทางการเมือง” แต่เลือกที่จะ “แยกวง ลดแรงเสียดทาน รวมถึงรักษาช่องทางเศรษฐกิจ” ไว้เต็มที่!

ขณะเดียวกัน ก็ไม่ปล่อยให้ความขัดแย้งชายแดน ถูกใช้เป็น “เครื่องมือ” เจรจาแบบไม่ยุติธรรม!!!

นักวิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศ…บางคน? ระบุว่า…ความท้าทายครั้งนี้ ยังมี “ด้านสว่างเชิงยุทธศาสตร์” เพราะการบังคับให้ไทย…ต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างสำคัญ เช่น ระบบตรวจสอบแหล่งกำเนิดสินค้า, แอปพลิเคชัน traceability ระดับประเทศ และกลไกป้องกัน transshipment

สิ่งนี้…จะทำให้ไทย มีความน่าเชื่อถือมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน และกลายเป็นคู่ค้าที่สหรัฐฯ ต้องการทำงานด้วยมากขึ้นในระยะยาว

นอกจากนี้ การที่ รัฐบาลไทยประกาศเดินหน้า “ขยายตลาดใหม่” ทั้ง สหภาพยุโรป แคนาดา อินเดีย EFTA ตะวันออกกลาง ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ทำให้ โครงสร้างส่งออกไทย…มีโอกาสหลุดพ้น! จากการ “พึ่งตลาดเดียวมากเกินไป” ซึ่งเป็นความเสี่ยงมานานหลายปี

รองนายกฯเอกนิติ ยังได้เสริมประเด็นนี้ด้วยว่า…รัฐบาลไทยกำลังขับเคลื่อนมาตรการยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทย และปรับทักษะแรงงานทั่วระบบ เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไปเร็วกว่าเดิม

ทั้งหมดนี้ สรุปเป็น “ภาพเดียว” ได้ว่า…ไทยกำลังเผชิญแรงกดดันจาก “มหาอำนาจ” ในจังหวะเปลี่ยนผ่าน! ของภูมิรัฐศาสตร์โลก แต่ รัฐบาลไทย เลือกจะยืนบน “ยุทธศาสตร์“รักษาศักดิ์ศรี โดยไม่ทำลายโอกาสประชาชน” ด้วยการ…

แยกประเด็นความมั่นคง ออกจากการค้า!!!

มุ่งเดินหน้าเจรจาการค้าใน “เชิงเทคนิค” อย่างตรงไปตรงมา! และเร่งกระจายตลาด…เพื่อ “ลดแรงบีบ!” ในอนาคต

นายกฯอนุทิน เคยกล่าวปิดท้าย…ในที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ด้วยประโยคที่ สะท้อนภาพรวมได้ครบถ้วนที่สุด! ว่า…

“ไทยจะรักษาศักดิ์ศรีของชาติ แต่จะไม่ยอมให้คนไทยต้องเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ เพราะการเมืองของใครทั้งนั้น”

ประโยคนี้…ไม่ได้เป็นแค่ “ท่าทีทางการเมือง” แต่กลายเป็น…แกนกลางของยุทธศาสตร์เศรษฐกิจและการทูตของไทย ในยุคที่ต้อง “เดินเกมลึก!” ระหว่าง…ชาติมหาอำนาจ อย่างระมัดระวัง! และทำอย่างมีศิลปะมากกว่าที่เคยทำกันมา!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password