MPI เดือน มิ.ย. 68 ขยายตัวร้อยละ 0.58 บวกต่อเนื่องเดือนที่ 3 อานิสงส์อุตฯ ยานยนต์และการส่งออกฟื้นตัว

สศอ. เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมิถุนายน 2568 อยู่ที่ระดับ 97.35 ขยายตัวร้อยละ 0.58 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมไตรมาส 2 ปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 1.47 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ การส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่อง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ แนะติดตามรัฐบาลเตรียมส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ

นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมิถุนายน 2568 อยู่ที่ระดับ 97.35 ขยายตัวร้อยละ 0.58 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการขยายตัวต่อเนื่องเดือนที่ 3 ด้านอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 59.58 ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ไตรมาส 2 ปี 2568 อยู่ที่ระดับ 96.75 ขยายตัวร้อยละ 1.47 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมกลับมาผลิตเพิ่มขึ้น โดยปัจจัยสนับสนุนหลักต่อภาคการผลิต ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 อยู่ที่ร้อยละ 17.02 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ โครงการคุณสู้เราช่วยที่ขยายเวลาลงทะเบียน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) การค้าระหว่างประเทศขยายตัวต่อเนื่อง มีมูลค่าส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ อาวุธ รถถัง และอากาศยานรบ) ขยายตัวร้อยละ 15.0 เป็นเดือนที่ 12 เนื่องจากผู้ประกอบการเร่งส่งออกไปยังสหรัฐฯ ก่อนที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า

อย่างไรก็ตาม ความไม่ชัดเจนของผลการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกายังคงกดดันภาคอุตสาหกรรมของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศคู่แข่งสำคัญทางการค้าสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐอเมริกาได้มากขึ้น ส่งผลให้ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมิถุนายน 2568 ปรับตัวลดลง มีปัจจัยหลักจากนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การทะลักของสินค้าต่างประเทศ และเงินบาทที่แข็งค่าพร้อมสกุลเงินอื่น การบริโภคภาคเอกชนที่ยังไม่ฟื้นตัวจากปัญหาหนี้ครัวเรือน ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย ส่งผลกระทบต่อยอดขายของสินค้าอุตสาหกรรมโดยรวม นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวมีการชะลอตัวต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง

สำหรับระบบการเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมภาพรวมของไทย เดือนกรกฎาคม 2568 “ส่งสัญญาณเฝ้าระวัง” โดยปัจจัยในประเทศชะลอตัวลงตามการลงทุนภาคเอกชนและการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางที่ปรับลดลง รวมถึงความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อที่ยังคงมีสภาวะแย่ลง ด้านปัจจัยต่างประเทศส่งสัญญาณเฝ้าระวัง จากผลกระทบของนโยบายการค้าสหรัฐฯ ทำให้เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ ภาคการผลิต และความต้องการสินค้ายังมีความไม่แน่นอนสูง

“ภาคอุตสาหกรรมไทยยังเผชิญแรงกดดันจากนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสินค้าส่งออกหลักของไทยที่ผู้ผลิตหลักเป็น SMEs มูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อาทิ ชิ้นส่วนยานยนต์ อัญมณี อาหารสัตว์เลี้ยง ปลาทูน่ากระป๋อง และถุงมือยาง รัฐบาลจึงเร่งรับมือด้วยการสนับสนุนให้ใช้สินค้าไทยในประเทศผ่านมาตรการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพิ่มแรงจูงใจให้เอกชนใช้ชิ้นส่วนในประเทศ ส่งเสริมการรับรองคุณภาพสินค้า เช่น การออกใบ certificate ให้กับพลอยเจียระไนและเครื่องประดับไทย ขยายตลาดทดแทนในตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ ตลอดจนผลักดันสินค้าใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์สมัยใหม่ เครื่องประดับ “Luxury Thai Brand” และถุงมือยางชนิดใหม่ เพื่อลดการพึ่งพาตลาดเดิมและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในระยะยาว” นายภาสกร กล่าว

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตเดือนมิถุนายน 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่

ยานยนต์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 17.02 จากผลิตภัณฑ์รถยนต์นั่งไฮบริดขนาดใหญ่ รถยนต์ไฮบริดขนาดเล็ก และรถยนต์ไฟฟ้า เป็นหลัก ตามกระแสความนิยมและความต้องการของตลาด ในขณะที่รถบรรทุกปิคอัพขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งตลาดในประเทศและส่งออก

ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.18 จากผลิตภัณฑ์ PCBA, Integrated Circuits (IC) และ semiconductor devices เป็นหลัก ตามการขยายตัวของตลาดอิเล็กทรอนิกส์โลก ประกอบกับเร่งส่งออกไปสหรัฐอเมริกา

น้ำมันปาล์ม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.84 จากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบเป็นหลัก เนื่องจากปริมาณผลปาล์มออกสู่ตลาดมากขึ้นและมีคำสั่งซื้อจากอินเดีย จีน และเมียนมาเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตลาดส่งออกขยายตัว

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนีผลผลิตเดือนมิถุนายน 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่

เครื่องจักรอื่น ๆ ที่ใช้งานทั่วไป หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 14.17 จากผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ เป็นหลัก เนื่องจากลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อจากภาวะเศรษฐกิจ

ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.15 จากผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเบนซิน 91 และ น้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว เป็นหลัก จากการชะลอตัวของการท่องเที่ยว ประกอบกับการใช้ยานยนต์ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น

เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์น้ำแร่และน้ำดื่มบรรจุขวดประเภทอื่น ๆ หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 13.97 จากผลิตภัณฑ์น้ำอัดลมและเครื่องดื่มกาแฟสำเร็จรูป เป็นหลัก เนื่องจากผู้ผลิตบางรายหยุดผลิตชั่วคราวเพื่อซ่อมบำรุง รวมทั้งมีผู้ผลิตบางรายหยุดผลิตชั่วคราวต่อเนื่องกว่า 6 เดือน

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password