‘บางจาก’ ประกาศผลประกอบการ Q1 /68 มี EBITDA อยู่ที่ 12,666 ล้านบาท

กลุ่มบริษัทบางจากเปิดศักราชปี 2568 ด้วยผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยมี EBITDA อยู่ที่ 12,666 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 77 จากไตรมาสก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิของบริษัทใหญ่เพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งเท่าตัว สะท้อนถึงการฟื้นตัวของธุรกิจภายใต้บริบทเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบาง จุดเด่นสำคัญในไตรมาสนี้คือการรับรู้ Synergy จากการควบรวมกิจการกับบริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) (BSRC) คิดเป็นมูลค่า EBITDA ถึง 1,812 ล้านบาท ตอกย้ำถึงศักยภาพในการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการพัฒนาเชิงกลยุทธ์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ต่อยอดด้วยความสำเร็จของการออกหุ้นกู้ดิจิทัล การบุกเบิกพลังงานอนาคตด้วยการเปิดหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) แบบ Stand-Alone แห่งแรกของประเทศไทย การขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันและร้านกาแฟอินทนิลอย่างต่อเนื่อง โดยได้เปิดสาขาแรกในสถานีบริการน้ำมันบางจากภายใต้การบริหารของ BSRC รวมถึงการเดินหน้าการควบรวม BSRC ให้สมบูรณ์ในปีนี้

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แม้ราคาน้ำมันดิบจะอ่อนตัวลงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว แต่บางจากฯ ยังคงสามารถรักษาอัตรากำไรที่ดีไว้ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันและกลุ่มธุรกิจการตลาด ซึ่งเป็นผลจากการบริหาร Synergy ระหว่างบริษัทฯ และบริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) (BSRC) อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในไตรมาส 1 บริษัทฯ สามารถรับรู้ EBITDA จาก Synergy ได้ถึง 1,812 ล้านบาท แสดงถึงการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างคุ้มค่าในช่วงเวลาที่ท้าทาย มุ่งสู่การดำเนินงานแบบ Single Entity ที่ไร้รอยต่อ ในขณะเดียวกัน เรายังเริ่มเห็นพัฒนาการเชิงบวกจากบรรยากาศการค้าระหว่างประเทศที่เริ่มคลี่คลาย สะท้อนผ่านราคาน้ำมันที่มีเสถียรภาพมากขึ้น และอัตรากำไรที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนในทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจ”ควบคู่ไปกับผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง

ท่ามกลางสภาวะที่ท้าทาย บางจากฯ ยังได้บุกเบิกพลังงานแห่งอนาคต ด้วยการเปิดหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน Neat SAF 100% ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ (Stand-Alone) แห่งแรกของประเทศไทย ณ โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง กำลังการผลิตเริ่มต้นที่ 1 ล้านลิตรต่อวัน เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังพัฒนาโครงสร้างโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง ทั้งการนำเข้าเรือ VLCC และการขยายท่าเรือรองรับเรือ Suezmax ณ โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา โดยคาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ภายในไตรมาส 2 และสามารถรับรู้ประโยชน์ด้านต้นทุนในช่วงครึ่งหลังของปีในด้านธุรกิจการตลาด บางจากฯ ได้เร่งขยายสถานีบริการกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ พร้อมยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์สู่มาตรฐานสากล ทั้ง Premium 97 และ Premium Diesel ควบคู่กับการพัฒนา Retail Experience ภายใต้แนวคิด “Greenovative Destination for Intergeneration” โดยตั้งเป้าขยายร้านกาแฟอินทนิลให้ครบ 1,400 สาขาภายในสิ้นปี รวมถึงเพิ่มจุดชาร์จ EV กว่า 419 แห่ง และจุดจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่น FURiO มากกว่า 2,000 แห่ง

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 134,647 ล้านบาท มี EBITDA 12,666 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และมีการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 466 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 2,115 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากไตรมาสก่อนหน้า คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.54 บาท