กนอ.นำทัพอุตสาหกรรมไทย สู่ SDGs รับมือ CBAM
กนอ.ชูบทบาทผู้นำในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยสู่ความยั่งยืน พร้อมรับมือมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) ของสหภาพยุโรป และมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. ประกาศความพร้อมในเวทีสัมมนาวิชาการ “ภาคอุตสาหกรรมจะปรับตัวอย่างไร? เพื่อนำประเทศไทย สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน : SDGs” จัดโดยคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และรับมือกับมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) ของสหภาพยุโรป โดยระบุว่า CBAM เป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการไทยในการปรับตัวและก้าวสู่ตลาดโลก กนอ. มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมไทย สามารถปรับตัวเข้าสู่เศรษฐกิจสีเขียว ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อคว้าโอกาสจาก CBAM และเติบโตอย่างยั่งยืน
“ภาคอุตสาหกรรมของไทย ต้องมีการปรับตัวต่อมาตรการ CBAM และจำเป็นต้องออกแบบกลยุทธ์การลงทุน เพื่อรองรับและรักษาเสถียรภาพราคาภาคอุตสาหกรรม ซึ่งต้องเป็นการดาเนินการร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน และรับมือกับความท้าทายและโอกาสจาก CBAM” นายสุเมธ กล่าว
กนอ.ตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้กำหนดแนวนโยบายและกลยุทธ์เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม โดยมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีกลยุทธ์ที่สำคัญ 4 ประการ ดังนี้
1.ยกระดับนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสู่ความยั่งยืน โดยการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียน การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การรีไซเคิล และการส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน
2.ส่งเสริมอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Industry) สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานชีวมวล พัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ส่งเสริมการจัดการของเสีย นำของเสียกลับมาใช้ประโยชน์ และปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระบบอัตโนมัติ และ Digital Twin เพื่อลดการใช้ทรัพยากรและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
3.สร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมสีเขียว พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว (Green Infrastructure) เช่น ระบบสาธารณูปโภคที่ใช้พลังงานสะอาด ระบบจัดการของเสียครบวงจร และโรงงานรีไซเคิล สนับสนุนด้านการเงิน เช่น จัดตั้งกองทุนส่งเสริมการลงทุน มอบสิทธิประโยชน์ทางภาษี และพัฒนาใบรับรองสินค้าคาร์บอนต่ำ เพื่อส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมสีเขียว รวมถึงสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมใช้พลังงานสะอาด 100% (RE100)
4.พัฒนาสถาบัน I-EA-T ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพ (Capacity Building) ด้านความยั่งยืน โดยพัฒนาหลักสูตรจัดอบรม และส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และส่งเสริมการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานสีเขียว
นายสุเมธ กล่าวอีกว่า เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับมาตรการ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ของสหภาพยุโรป กนอ. ได้พัฒนาระบบการรายงานและตรวจสอบการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Footprint Monitoring System) พร้อมออกแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกับเกณฑ์ CBAM เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังดำเนินโครงการสนับสนุนความยั่งยืน เช่น โครงการธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม (ธงขาวดาวเขียว) สร้างการรับรู้ กระจายอำนาจ และการมีส่วนร่วมของประชาชน อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมของโรงงานในนิคมฯทั้งหมด และโครงการ I-EA-T Sustainable Business หรือ ISB เพื่อสะท้อนถึงผลสัมฤทธิ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธรุกิจ
“กนอ. มุ่งมั่นเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ให้สามารถปรับตัว รับมือกับความท้าทาย และคว้าโอกาสจาก CBAM เพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” รักษาการผู้ว่าการ กนอ. กล่าว.