พณ. ชี้! เงินเฟ้อ ส.ค.67 ขยับขึ้น 0.35 % เหตุจากฝนตกหนัก/น้ำท่วมพื้นที่เพาะปลูก
“ผอ. สนค.” แจง! ผลพวงของฝนตกชุกและบางพื้นที่น้ำท่วม ส่งให้ราคาสินค้ากลุ่มอาหาร (ผักสดและผลไม้สด) มีราคาสูงขึ้น หนุนอัตราเงินเฟ้อในเดือน ส.ค.67 ปรับตัวสูงขึ้นในอัตราชะลอตัวที่ร้อยละ 0.35 เผย! มั่นใจอัตราเงินเฟ้อไทยเฉลี่ยทั้งปีกดอยู่ที่ระดับร้อยละ 0.0 – 1.0 ย้ำ! ต้องติดตามยังมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบอัตราเงินเฟ้อที่เหลือของปีนี้
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทยในเดือนสิงหาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 108.79 เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2566 ที่ระดับ 108.41 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นในอัตราชะลอตัวที่ร้อยละ 0.35 (YoY) โดย ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อมาจากการสูงขึ้นของราคาสินค้าในกลุ่มอาหาร โดยเฉพาะผักสดและผลไม้สด เนื่องจากสถานการณ์ฝนตกหนักและอุทกภัยในบางพื้นที่เพาะปลูก ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตลดลง รวมถึงข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว และอาหารสำเร็จรูป อาทิ กับข้าวสำเร็จรูป ข้าวราดแกง และอาหารตามสั่ง ราคาปรับสูงขึ้นเช่นกัน ขณะที่ สินค้ากลุ่มพลังงาน (แก๊สโซฮอล์ ค่ากระแสไฟฟ้า) ราคาปรับลดลง สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก
โดย อัตราเงินเฟ้อของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนกรกฎาคม 2567 พบว่า อัตราเงินเฟ้อของไทยสูงขึ้นร้อยละ 0.83 ซึ่งยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 10 จาก 128 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำเป็นอันดับ 2 ในอาเซียนจาก 8 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ สปป.ลาว)
อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่สูงขึ้นร้อยละ 0.35 (YoY) ในเดือนนี้ มีการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าและบริการ ดังนี้ หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ 1.83 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ กลุ่มอาหารสด อาทิ ผักสด (มะเขือ พริกสด แตงกวา ผักกาดขาว มะนาว ผักบุ้ง กะหล่ำปลี) ผลไม้สด (เงาะ มะม่วง กล้วยน้ำว้า ฝรั่ง) ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว นมสด และไข่ไก่ กลุ่มอาหารสำเร็จรูป (กับข้าวสำเร็จรูป อาหารกลางวัน (ข้าวราดแกง) อาหารตามสั่ง อาหารเช้า) กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำหวาน) และ กลุ่มเครื่องประกอบอาหาร (น้ำตาลทราย กะทิสำเร็จรูป) ขณะที่ยังมีสินค้าอีกหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ เนื้อสุกร ส้มเขียวหวาน ปลาทู น้ำมันพืช และไก่ย่าง เป็นต้น
ส่วน หมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ 0.68 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะ กลุ่มพลังงาน (แก๊สโซฮอล์ ค่ากระแสไฟฟ้า) กลุ่มสิ่งที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด (ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างห้องน้ำ ผลิตภัณฑ์ซักผ้า (น้ำยาซักแห้ง) น้ำยาล้างจาน) กลุ่มค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล (แชมพู สบู่ถูตัว ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว ครีมนวดผม) และ กลุ่มเสื้อผ้า (เสื้อยืดบุรุษและสตรี กางเกงขายาวบุรุษ เสื้อเชิ้ตบุรุษและสตรี) อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ราคาสูงขึ้น อาทิ น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน ค่าเช่าบ้าน ค่ารถรับส่งนักเรียน ค่าแต่งผมบุรุษและสตรี และเครื่องถวายพระ เป็นต้น
สำหรับ เงินเฟ้อพื้นฐาน (เงินเฟ้อทั่วไป เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก) สูงขึ้นร้อยละ 0.62 (YoY) เร่งตัวขึ้นเล็กน้อยจากเดือนกรกฎาคม 2567 ที่สูงขึ้นร้อยละ 0.52 (YoY) ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนสิงหาคม 2567 เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2567 สูงขึ้นร้อยละ 0.07 (MoM) ตามการสูงขึ้นของหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ร้อยละ 0.79 ปรับสูงขึ้นตามราคาผักสด (ผักกาดขาว พริกสด ผักคะน้า ผักบุ้ง มะนาว ผักชี แตงกวา) ผลไม้สด (ส้มเขียวหวาน ฝรั่ง กล้วยน้ำว้า เงาะ) ข้าวสารเจ้า และเนื้อสุกร
อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าที่ราคาปรับลดลง อาทิ ไก่ย่าง น้ำมันพืช นมสด และนมถั่วเหลือง ขณะที่ หมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ 0.42 ตามการลดลงของราคาแก๊สโซฮอล์ น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาระงับกลิ่นกาย น้ำหอม กางเกงขายาวบุรุษ และเสื้อเชิ้ตบุรุษ สำหรับสินค้าที่ราคาปรับสูงขึ้น อาทิ ผงซักฟอก และของใช้ส่วนบุคคล (ครีมนวดผม แป้งผัดหน้า สบู่ถูตัว โฟมล้างหน้า ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว) เป็นต้น
ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป เฉลี่ย 8 เดือน (มกราคม – สิงหาคม) ของปี 2567 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 สูงขึ้นร้อยละ 0.15 (AoA) แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนกันยายน 2567 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 โดย ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ (1) ราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศที่กำหนดเพดานไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน (2) ผลกระทบจากอุทกภัยทำให้ราคาผักสดและผลไม้สดปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากแหล่งเพาะปลูกในบางพื้นที่ได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเป็นผลกระทบระยะสั้น และ (3) สถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจจะส่งผลกระทบให้เกิดความไม่แน่นอนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญ รวมถึง ต้นทุนค่าขนส่งทางเรือปรับตัวเพิ่มขึ้น
ขณะที่ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง ได้แก่ (1) ค่ากระแสไฟฟ้าภาคครัวเรือนอยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้าตามมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ (2) ฐานราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกในปีก่อนหน้าที่อยู่ระดับสูง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบดูไบในปัจจุบันมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้า ๆ หรืออาจจะลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะขยายตัวระดับต่ำ และ (3) การลดราคาสินค้าและการแข่งขันในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีกในประเทศ และการค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ทำให้สินค้าจำนวนมากปรับลดราคาอย่างต่อเนื่อง
“กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 อยู่ระหว่างร้อยละ 0.0 – 1.0 ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จะมีการทบทวนอีกครั้ง” ผอ. สนค. ระบุ.