ข่าวดี! ภาพรวมอุบัติเหตุ ‘สงกรานต์ 67’ ลดลงทุกหมวด – ตร.พร้อมรับมือคลื่นคนไทยคืนถิ่น
สถิติอุบัติเหตุห้วงเทศกาลสงกรานต์ 11-15 เม.ย.67 ชี้! เกิดอุบัติเหตุรวม 1,564 ครั้ง บาดเจ็บ 1,593 คน เสียชีวิตทะลุ 206 ราย เผย! กรุงเทพฯและเชียงราย เสียชีวิตมากสุด 13 ราย โดยเชียงรายยังนำโด่งเรื่องเกิดอุบัติเหตุสะสม 61 ครั้ง ด้าน ตร.แจงข่าวดี ภาพรวมอุบัติเหตุร้ายลดลงลงทุกหมวด ยอมรับ “ขับรถเร็ว” มาอันดับ 1 รองลงมาคือ “เมาแล้วขับ” และ “ปาดหน้ากระชั้นชิด” ย้ำ! 16-17 เม.ย.นี้ พร้อมรับมือคลื่นมหาชนคืนถิ่น
ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 โดย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ภายใต้ความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่าย แจ้งผลการเก็บรวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 15 เมษายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของการรณรงค์ “ขับขี่อย่างปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” โดยระบว่า มีการเกิดอุบัติเหตุ 301 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 314 คน ผู้เสียชีวิต 39 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 43.19 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 23.92 ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 15.28
ส่วน ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 83.82 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 78.74 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 38.54 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 31.89 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 16.01 – 17.00 น. ร้อยละ 9.63 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 20-29 ปี ร้อยละ 18.13 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,756 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 51,386 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ น่าน (14 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ น่าน (16 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ จ.เชียงราย (4 ราย)
สำหรับ อุบัติเหตุทางถนนสะสมระหว่างวันที่11 – 15 เม.ย. 67 พบว่า มีการเกิดอุบัติเหตุรวม 1,564 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 1,593 คน ผู้เสียชีวิต รวม 206 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 17 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (61 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ น่าน (60 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานครและเชียงราย (13 ราย)
ส่วนวันนี้ (16 เม.ย.) ซึ่งเป็นวันหยุดยาวสุดท้าย และจะมีประชาชนเดินทางกลับสู่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใหญ่ในภูมิภาคต่างๆ เป็นเหตุให้ถนนหลายสายมีปริมาณรถเป็นจำนวนมาก ประกอบกับความอ่อนล้าจากการขับรถทางไกล อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ทั้งนี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข กล่าวในฐานะ ประธานแถลงข่าว ว่า ทาง ศปถ.ได้ประสานจังหวัดปรับแผนการดำเนินงานสร้างความปลอดภัยทางถนนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยบูรณาการตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง อาสาสมัคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่บริหารจัดการจราจรและอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชนตลอดเส้นทาง
อีกด้านหนึ่ง พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่ ประธานการประชุมศูนย์อำนวยการจราจรและลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลประจำปี 2567 ร่วมกับผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ทั่วประเทศ กล่าวว่า ภาพรวมเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาพบว่า ลดลงทุกหัวข้อ โดยขณะนี้ผ่านจุดพีคของการเกิดอุบัติเหตุมาแล้ว แต่ในช่วงวันที่ 16-17 เม.ย. ตำรวจจะอำนวยการจราจรเพื่อให้ประชาชนเดินทางกลับเข้ามาได้อย่างสะดวกและปลอดภัย
สำหรับ สถิติการเกิดอุบัติเหตุวิเคราะห์จากปัจจัยต่างๆ พบสาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุอันดับ 1 คือการขับขี่ด้วยความเร็ว อันดับ 2 ดื่มแล้วขับ และอันดับ 3 คือขับรถปาดหน้ากระชั้นชิด โดยอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นมากสุดตามถนนสายรองท้องถิ่น ร้อยละ 60 ส่วนตามทางหลวง (ทล.) เกิดขึ้นร้อยละ 38 ส่วนภาพรวมการบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยง มีการจับกุมผู้ฝ่าฝืนจำนวน 209,000 ราย ตักเตือนผู้ที่กระทำผิดครั้งแรกกว่า 176,000 ราย รวมมีการบังคับใช้กฎหมายกว่า 385,000 ราย
“สำหรับมาตรการรองรับการเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ หลังเทศกาลก็คล้ายกับช่วงขาออก โดยพบว่าประชาชนเริ่มเดินทางกลับตั้งแต่เมื่อวานนี้ (15 เม.ย.) มีปริมาณรถ 5 แสนกว่าคัน โดยเริ่มหนาแน่น ช่วงบ่ายและปกติตอน 21.00 น. ส่วนวันนี้ (16 เม.ย.) คาดการณ์ว่าจะมีการเดินทางกลับเข้ามาสูงสุดกว่า 6 แสนคัน โดยปริมาณรถเริ่มหนาแน่นแล้วทั้งสายเหนือและอีสาน มีการเตรียมเปิดเส้นทางพิเศษในเส้นทางหลักเส้นทางเลี่ยง บนถนนมิตรภาพและพหลโยธิน เชื่อว่ารถจะหนาแน่นต่อเนื่องจนถึงช่วงเช้าพรุ่งนี้” พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ กล่าว.