มุมนี้ STEATEGY X ตอน : แถลงนโยบายต่อรัฐสภา – ปมปัญหาโกง 30 ล.ในกองทุนหมู่บ้านฯ
>>OO>> ผ่านมาหลายกระบวนการ จนถึง…พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์ “ในหลวง-ราชินี” เหลืออีกเพียง 2 วันในการ แถลงนโยบายต่อรัฐสภา “11-12 ก.ย.66” จากนั้น…“รัฐบาลเศรษฐา 1” และ ครม.ชุดนี้ ก็จะเริ่มบริหารราชการแผ่นดินอย่างเต็มตัว เห็น รัฐมนตรีหลายคน…เริ่มเข้าสำรวจที่ทางการทำงานในกระทรวงที่ตัวเองกำกับดูแลบ้างแล้ว เหลือก็แต่ “นายกฯนิด – เศรษฐา ทวีสิน” ที่ยังคงเคอะเขินต่อการจะเข้าทำงานในทำเนียบรัฐบาล ในฐานะ “ผู้นำประเทศ” และเข้ากระทรวงการคลัง ในฐานะ “รมว.คลัง” จึงขอทำงานที่ พรรคเพื่อไทย ไปพรางๆ ก่อน กระนั้น…เนื้องาน “วัตถุดิบ” หลายส่วน ก็เริ่มมีการจัดเตรียมความพร้อม รอเพียงการปรุงรสให้ออกมาเป็นเมนูพร้อมเสิร์ฟ ผ่านความเป็น “นโยบายของรัฐบาล” ก็เท่านั้น
>>OO>> ไฮไลท์สัปดาห์หน้า อยู่ที่การ แถลงนโยบายต่อรัฐสภา แม้ไม่ใช่เวที “อภิปรายไม่ไว้วางใจ” แต่ “คอการเมือง” หลายคน ก็อยากจะเห็นบทบาท “ฝ่ายค้านมืออาชีพ” อย่าง…พรรคก้าวไกล ทำหน้าที่…ตรวจสอบลงลึก ทักท้วง ทวงถาม และให้คำแนะนำดีๆ ในเชิงสร้างสรรค์ แก่… “นายกฯนิด – ครม.เศรษฐา 1” แต่ดูจาก…คำแถลงนโยบายฯทั้ง 52 หน้า ที่หลุดมาให้ได้เห็นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว น่าจะมีหลายเรื่อง…หลายปม ที่ พรรคก้าวไกล จะได้ ทักท้วง ทวงถาม กลางสภาฯ เนื่องจาก…มีหลายนโยบายที่เคยหาเสียงเอาไว้ก่อนหน้านี้ แต่ไม่เห็นมีในคำแถลงนโยบายฯในรอบนี้ ทว่า…มีบางเรื่องที่ไม่เคยเห็นในการหาเสียง กลับถูกนำมาสอดแทรกอยู่ในตอนท้ายๆ ของคำแถลงนโยบายฯที่ว่านี้ เอาไว้…รอวัดใจกันในวันนั้นอีกที…
>>OO>> “ทีมข่าวยุทธศาสตร์” สรุปสั้นๆ ถึงสิ่งที่ “รัฐบาลเศรษฐา 1” ประกาศ…กรอบนโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศ ตามกรอบความเร่งด่วน โดยแบ่งเป็น 3 ช่วง เพื่อแก้ปัญหา สร้างความพร้อม และวางรากฐานอนาคตให้กับคนไทยทุกคน แบ่งเป็น…กรอบระยะสั้น รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นการใช้จ่าย จุดประกาย ให้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจกลับมาเติบโตอีกครั้ง ประกอบกับการเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ของประชาชนอย่างเร่งด่วนและรวดเร็ว ขณะที่ กรอบระยะกลางและระยะยาว รัฐบาลจะเสริมขีดความสามารถให้กับประชาชน ผ่านการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ให้กับประชาชนทุกคน
>>OO>> หนึ่งในนโยบายสำคัญ ที่อาจเป็นตัว “ชี้วัด” ความสำเร็จและอยู่รอดของ “รัฐบาลเศรษฐา 1” นั่นคือ การเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ให้กับคนไทยวัย 16 ปีอัพ รวมกันกว่า 50 ล้านคน และต้องใช้เงินงบประมาณมากกว่า 5 แสนล้านบาท เรื่องนี้…ทั้ง “นายกฯนิด – เศรษฐา ทวีสิน” และ “นายกฯน้อย (เลขาธิการนายกรัฐมนตรี) – นพ.พรหมมิมนทร์ เลิศสุริย์เดช” ต่างเชื่อมั่นว่า…“เราทำได้!” สิ่งนี้…จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติ ให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง! … “4 รอบ” คือเป้าหมายที่จะทำให้เม็ดเงินจำนวนมหาศาลหมุนอยู่ในระบบเศรษฐกิจ และผลัดดันให้ “จีดีพี” ที่เคยวิ่งอยู่ในระดับ 3% บวก/ลบ ทะยายสู่ระดับ 5% ปลายๆ ถึง 6% กันเลย? สิ่งที่ฝัน…กับภาพความเป็นจริง จะเหมือนกันหรือไม่? งานนี้…มีความหวังของคนไทยและหนี้สินก้อนโตของประเทศ เป็น “เดิมพัน”
>>OO>> ยังมี…ความฝันอีกมากของคนไทย จากหลายนโยบายของ “รัฐบาลชุดใหม่” ไม่ว่าจะเป็น…การแก้ปัญหาหนี้สิน…ทั้งในภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน ตลอดจน การลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะ “ลดทันที!” ค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม และค่าน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมถึง ที่เคยประกาศเอาไว้ “20 บาท – ตลอดสาย” ในการ “นั่งรถไฟฟ้า” ทั่วกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง น่าสนใจว่า…เรื่องหลังนี้ จะทำได้หรือได้ทำหรือไม่? มันก็ไม่ต่างจาก “เรื่องแรก” ที่จะเคยประกาศเอาไว้เมื่อตอนหาเสียงเลือกตั้ง แต่เอาเข้าจริง! กลับเป็นเรื่องท้ายๆ ที่ไม่รู้ว่า…จะได้ทำหรือเปล่า? นั่นก็คือ…การแก้ไขรัฐธรรมนูญ “เจ้าปัญหา” ปี 2560 ฉบับนั้น งานนี้…คงได้เห็น “พรรคก้าวไกล” เจียระไนละเอียดยิบแน่! โดยเฉพาะ “ปมที่ขาดหาย” อย่าง…สสร. ที่จะตั้งขึ้นมาเพื่อภารกิจ “สัญญาประชาคม” รอบนี้
>>OO>> กรณี “ฉ้อโกง” เงินฝากกว่า 30 ล้านบาท ของชาวบ้าน อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ที่ส่วนใหญ่ล้วนเป็น…สมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ หรือที่เรียนขานกันในพื้นที่ว่า “กองทุนเงินล้านสมาชิก กทบ. อ.กุฉินารายณ์” รวม 38 กองทุน กว่า 6,800 คน หลังโดน “แม่บ้าน” ผู้ประกาศตนเป็น “คนใน” เหตุเพราะทำงานกับ สาขาธนาคารออมสินในพื้นที่ มายาวนาน…นานพอจะหลอกชาวบ้านต่อเนื่องถึง 5 ปี! เบื้องต้น…“ผอ.ออมสิน” วิทัย รัตนากร ประกาศดังๆ จาก…กรุงเอเธนส์ กรีซ ให้ได้ยินถึงเมืองไทย! ธนาคารออมสินพร้อมรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นทุกกรณี และทุกบาททุกสตางค์ ขอให้ชาวบ้าน “เจ้าของเงิน” สบายใจได้ โดยเริ่มจ่ายเงินชดเชยตามความเสียหายที่เกิดขึ้น นับจากนี้ (4 ก.ย.) ภายใน 7 วัน ควบคู่กันไป ธนาคารออมสินเอง ก็จะสืบเสาะเจาะลึก! ถึงปัญหาแท้จริง…ที่สุด! ใครหรืออะไร? คือ…ตัวปัญหากันแน่!!!
>>OO>> ปมลึก! เรื่องนี้ “ทีมข่าวยุทธศาสตร์” ฟังจาก “ตัวจริง!” ผู้ที่รู้เส้นสนกลในมากที่สุดคนหนึ่ง เหตุเพราะจับเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น เรื่องของเรื่อง…เงินกว่า 30 ล้านบาทที่อ้างว่าถูก “แม่บ้าน” โกงไปนั้น ความจริงคือ…เงินสะสมของชาวบ้านที่กู้ยืมไปจากกองทุนหมู่บ้านฯที่ตัวเองสังกัดเป็นสมาชิก จากนั้น…จึงค่อยๆ ทยอยคืนตามความพร้อมของแต่ละคน เนื่องจากทุกๆ ปี ชาวบ้านผู้เป็น “ลูกหนี้กองทุนฯ” จะต้องใช้เงินคืนให้กับ “ต้นทาง-เจ้าของเงิน” แต่ด้วย วงรอบของหนี้สิน…ครบระยะไม่ตรงกัน แต่ละคนจึงทยอยคืนเงินกู้ในรูปของเงินฝากเอาไว้ไม่พร้อมกัน ขึ้นกับความพร้อมของแต่ละคน…รอครบปี ก็จะส่งคืนดังกล่าวให้กับ “เจ้าหนี้เงินกู้ฯ”…จะว่าไปแล้ว กระบวนการนี้ มันไม่ได้เกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินในพื้นที่แต่อย่างใด? เป็นการ “สมรู้ร่วมคิด” กันเอง ระหว่าง…ลูกหนี้และเจ้าหน้าที่ของกองทุนหมู่บ้านฯ
>>OO>> ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ…ปกติเงินกู้หนี้ก้อนนี้ จะต้องส่งคืนให้กับ “เจ้าหนี้เงินกู้ฯ” ในทุกๆ ปี เพื่อทำการ…ปิดบัญชีเงินกู้ โดยมีหน่วยงานเกี่ยวข้อง เครือข่ายระดับอำเภอ คอยตรวจสอบยอดเงินที่ชาวบ้านนำมาชำระคืน ทั้ง “เงินต้นและดอกเบี้ย” ผ่านบัญชีกองทุนหมู่บ้านฯ ที่เปิดไว้กับสถาบันการเงินของรัฐ ไม่ว่าจะเป็น ธกส. แบงก์ออมสิน หรือธนาคารกรุงไทย พร้อมทั้ง…ยื่นขอกู้ครั้งใหม่ ในรอบถัดไปคราวเดียวกันนี้ ลึกยิ่งกว่านั้น!…การปิดบัญชีเงินกู้แต่ละครั้ง ลูกหนี้…ไม่ว่าจะเป็น ระดับชาวบ้าน หรือแม้กระทั่ง คกก.กองทุนหมู่บ้านฯ เอง ต่างก็หยิบยืมเงินกู้นอกระบบ เพื่อนำมาปิดบัญชี หวังขอกู้รอบใหม่ทั้งนั้น กลายเป็นกระบวนการสร้าง “นายทุนเงินกู้” ในพื้นที่เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด เรื่องนี้…ไม่มีทางที่ สทบ. จะไม่รู้? แต่รู้แล้วจะ “ตามน้ำ” เลยหรือไม่? ต้องถาม…คนระดับ “ประธานเครือข่าย ระดับอำเภอ” เพราะทำหน้าที่ “ผู้ประสาน” กับ สทบ.ส่วนกลาง
>>OO>> เรื่องถึงตรงนี้…เหตุใด? ชาวบ้านจึงต้องทำการสะสมเงินก้อนที่ฝากเอาไว้ได้ยาวนานถึง 5 ปี? โดยที่ระหว่างปี…ไม่มีการชำระคืนหนี้สินกันบ้างเลยหรือ? ที่สำคัญ…หน่วยงานที่น่าจะมีส่วนรู้เห็นเป็นใจมากที่สุด! กับปมปัญหานี้ ก็คือ “ต้นทาง-กองทุนหมู่บ้านฯ” อย่าง…สำนักงานกองทุนหมู่บ้าน หรือ สทบ. ที่ปกติ…ก็จะนิ่งมาตลอด! ไม่หือไม่อือ!…แทนที่จะหนุนนำให้ กองทุนหมู่บ้านฯ ทำการส่งเสริมสนับสนุน…สมาชิกกองทุนหมู่บ้าน ได้มีอาชีพเสริมสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ที่ผ่านมา…ก็ปล่อยวาง บางยุค…กลับแนะนำให้บรรดากองทุนหมู่บ้านฯ หารายได้ให้ตัวเอง ผ่านการปล่อยเงินกู้ฯ นัยว่า…ง่าย สะดวก มีกำไรเป็นกอบเป็นกำ ส่วนชาวบ้านที่ได้เงินกู้ไปแล้ว จะทำอะไร…ก็ช่างหัวมัน! แต่เมื่อเกิดปัญหาใหม่รอบนี้…ดูเหมือน สทบ. จะพูดจาฉะฉาน “โยนอุจจาระ” ไปให้ธนาคารออมสินเต็มๆ โดยไม่พูดถึงพฤติกรรมตัวเองตลอดหลายปีที่ผ่านมา เรื่องพรรค์นี้? ยังไม่แน่ว่า…รัฐบาลชุดใหม่ จะตั้งให้ใคร? มาดูแล สทบ.เป็นการเฉพาะ ถึงวันนั้น…“ทีมข่าวยุทธศาสตร์” จะเจียระไนให้ฟังเป็นฉากๆ ไป.
“ทีมข่าวยุทธศาสตร์”