ยุทธศาสตร์ Net Zero! ออมสินเริ่มก่อนวันนี้ – ตั้งเป้า ‘0’ ปี 2050
แบงก์ออมสินเปิดแผนยุทธศาสตร์ Net Zero ตั้งเป้าลดคาร์บอนเป็นศูนย์ในปี 2050 ชูแผนเข้ม “งด-เลี่ยง” สนับสนุนด้านการเงินแก่ธุรกิจไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมประกาศใช้ ESG Score ประเมินลูกค้าสินเชื่อเป็นแบงก์แรกของวงการธนาคารไทย (อ่านรายละเอียดเอกสารประกอบการแถลงข่าว)
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยถึงแผนยุทธศาสตร์ของธนาคารฯ “ตั้งเป้าลดก๊าซเรือนกระจก (ดูดซับคลื่นรังสีความร้อน) สุทธิเป็นศูนย์” หรือ Net Zero Emissions Roadmap โดยเฉพาะ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ.2593) อ้างถึง มติคณะกรรมการธนาคารออมสิน ที่ได้มีมติอนุมัติแผนดังกล่าวทั้ง 3 Scope โดยในอีก 7 ปีข้างหน้า (2570) ตั้งเป้า Net Zero สำหรับ Scope 1 และ 2 ซึ่งเป็น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของธนาคารจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ขณะที่ Scope 3 ที่เป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านการให้สินเชื่อแก่ลูกค้าและการลงทุน โดย ธนาคารฯจะดำเนินการคู่ขนานจนสามารถบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกในภาพรวมลงได้มากกว่า 50% ภายในปี 2030 และบรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050
ทั้งนี้ ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการดำเนินธุรกิจของธนาคารออมสินกว่า 97% มาจากการปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้าและการลงทุน (Scope 3) ซึ่งมีการจัดเก็บและคำนวณได้จากวิธีการตามมาตรฐาน Science-Based Target Initiative ที่เป็นสากล โดย นับจากนี้ไป ธนาคารได้กำหนดแผนงดการปล่อยสินเชื่อแก่ธุรกิจเชื้อเพลิงถ่านหินและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง (No Coal and Coal Related Business) และเริ่มการใช้ ESG Score ในการประเมินคุณสมบัติด้าน ESG ของลูกค้าวงเงินสินเชื่อ 500 ล้านบาทขึ้นไป
“ผลคะแนน ESG Score จะถูกนำมาประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ โดยธนาคารพร้อมมอบส่วนลดดอกเบี้ย และ/หรือ อนุมัติเพิ่มวงเงินสินเชื่อให้เป็นพิเศษ เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนกิจการที่ดีและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งนับว่าธนาคารออมสินเป็นผู้ริเริ่มนำเอา ESG Score มาใช้ประกอบการพิจารณาให้สินเชื่อเงื่อนไขพิเศษเป็นธนาคารแรกของประเทศ โดยธนาคารได้จัดกลุ่มธุรกิจที่จะสนับสนุนสินเชื่อและการลงทุนออกเป็น 3 กลุ่ม” ได้แก่…
1. Exclusion List หรือ ธุรกิจที่ไม่สนับสนุน เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง
2. Negative List หรือ ธุรกิจที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ โดยหลีกเลี่ยงการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจที่มีคะแนน ESG Score ในระดับต่ำมาก โดยธนาคารจะเข้าทำ Positive Engagement กับลูกค้าเพื่อช่วยเหลือ และให้คำปรึกษาในการปรับปรุงดำเนินงานด้านความยั่งยืน รวมทั้งด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งระบบ
3. Positive List หรือ ธุรกิจที่ให้การสนับสนุนเป็นพิเศษ ผ่านการกำหนดสิทธิประโยชน์แก่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ธุรกิจในอุตสาหกรรมที่ส่งเสริม BCG ธุรกิจ EV และ Supply Chain หรือกิจการบริษัทที่มีคะแนน ESG Score ในระดับสูง เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสนับสนุนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ และโครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม อาทิ การเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดโดยติดตั้ง Solar Rooftop ภายในสำนักงานใหญ่และสาขา การเปลี่ยนใช้รถยนต์ไฟฟ้าในธุรกิจธนาคาร รวมถึงการปลูกป่าทดแทนป่าเสื่อมโทรมและการอนุรักษ์ป่า เพื่อเป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนที่สาคัญ และช่วยพัฒนาชุมชน สร้างอาชีพ เสริมรายได้ให้กับชุมชนโดยรอบ เป็นต้น
“Scope 1 เป็นอะไรที่ธนาคารจะไม่พิจารณาให้สินเชื่อ หรือเข้าไปเกี่ยวข้องเลย แต่จะเริ่มใช้ ESG Score พิจารณาสินเชื่อแก่ Scope 2 และ Scope 3 ซึ่งธนาคารพร้อมจะให้การช่วยเหลือเพื่อให้ลูกค้ากลุ่มต่างๆ อย่างเต็มที่” นายวิทัย ย้ำและว่า ESG Score เป็นแนวคิดที่ริเริ่มมาตั้งแต่เมื่อ 3 ปีเศษ โดยได้รับความร่วมมือจาก International Finance Corporation (IFC) ซึ่งเป็นองค์กรการเงินระดับโลก และนำแนวคิดดังกล่าวมาปรับใช้กับธนาคารออมสิน เพื่อพิจารณาปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าที่มีเป้าหมายจะร่วมลดก๊าซเรือนกระจกร่วมกับธนาคาร
ทั้งนี้ แม้เป้าหมายปลายทางจะใช้เวลานานถึง 27 ปีจากนี้ แต่ธนาคารก็ได้วางกรอบเวลาของเป้าหมายเป็นระยะต่างๆ เอาไว้อย่างชัดเจน เช่น ในปี ค.ศ.2040 จะต้องลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 62% จากเป้าหมายในปี ค.ศ.2530 ที่ 30% และจะเหลือศูนย์ในปี ค.ศ.2050 โดยที่ ธนาคารจำเป็นจะต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้ ซึ่งในส่วนของธนาคารเองก็จะดำเนินการลดการใช้ก๊าซคาร์บอนที่เป็นตัวการสำคัญในการก่อภาวะก๊าซเรือนกระจก โดยได้ประกาศแผนงานให้กับหน่วยงานในสังกัดได้ดำเนินการนับจากนี้ไป เช่น การนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในสำนักงานและสำนักงานสาขาในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ภายใน 3 ปี และใช้ในสาขาต่างจังหวัดทั่วประเทศให้ครบภายใน 5 ปีนับจากนี้ เป็นต้น รวมถึงแผนการดูดซับก๊าซคาร์บอนให้ได้ 3.5 หมื่นตัน และเพิ่มพื้นที่ป่าสะสมรวมตลอดโครงการให้ได้ถึง 5 หมื่นไร่.