กอช. จับมือ ส.ท.ท. ส่งเสริมการออม ผู้ประกอบอาชีพอิสระ
กอช. จับมือ ส.ท.ท. ส่งเสริมการออมกับ กอช. ให้ประชาชนอาชีพอิสระในพื้นที่เทศบาลมีเงินบำนาญถ้วนหน้ายามเกษียณ หลังอายุ 60 ปี
เมื่อ 21 มิถุนายน 2566 ณ ห้องจูปิเตอร์ 4 อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การส่งเสริมการออมกับ กอช. ภายใต้การกำกับดูแลสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ระหว่าง กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) โดย นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ กับ สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (ส.ท.ท.)
โดยมี นายสมชาย รังสิวัฒนศักดิ์ นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย เป็นผู้ลงนามในบันทึกความร่วมมือ เพื่อให้ประชาชนผู้ประกอบอาชีพอิสระในพื้นที่เทศบาลมีเงินบำนาญใช้ถ้วนหน้าหลังอายุ 60 ปี
นายสมชาย รังสิวัฒนศักดิ์ นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (ส.ท.ท.) กล่าวว่า การบริหารจัดการการเงินส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญน้อยมากมักจะถูกมองข้าม โดยเฉพาะการออมเพื่อการเกษียณ ด้วยภารกิจการดำเนินงานของ ส.ท.ท. ที่มีการดำเนินงานกับหลากหลายภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชน จะพบว่า ประชาชนผู้ประกอบอาชีพอิสระ พ่อค้าแม่ค้า ชาวไร่ชาวนา เกษตรกร กลุ่มบุคคลเหล่านี้ ที่ไม่มีสวัสดิการบำนาญยามเกษียณ
เนื่องด้วยอาชีพเหล่านี้ที่หาเช้ากินค่ำ ไม่มีนายจ้างเป็นนายตัวเอง จึงได้เล็งเห็นความสำคัญของ กอช. ที่จะสามารถเป็นหนึ่งในทางเลือกขั้นพื้นฐานของผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ผู้เป็นสมาชิกออมส่วนหนึ่ง เริ่มต้นออม 50 บาท สูงสุด 30,000 บาทต่อปี รัฐสมทบเพิ่มให้อีกส่วนหนึ่งสูงสุด 1,800 บาทต่อปี พร้อมรับผลประโยน์ตอบแทนจากการลงทุน และที่สำคัญคือ กอช. มีความยืดหยุ่นในการออมสูง พร้อมเมื่อไร ออมได้เมื่อนั้น ไม่จำเป้นต้องออมเท่ากันทุกปี เมื่อในปีนั้นไม่ออม รัฐจะไม่สมทบเงินเพิ่มให้ แต่ยังจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากการลงทุนของการทำงานของเงินอยู่ ซึ่งเป็นข้อดีของประชาชนอาชีพอิสระกลุ่มนี้
โดยความร่วมมือบูรณาการกับ กอช. ทาง ส.ท.ท. จะส่งเสริมการออมกับ กอช. ด้วยการสื่อสารผ่านการประชุมคณะกรรมาธิการบริหารภาค ทั้ง 5 ภาค (ภาคกลาง เหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออก และใต้) และเทศบาลทั่วประเทศ ให้ประชาชนที่เป็นแรงงานนอกระบบได้เข้าถึงสิทธิประโยชน์ในการเป็นสมาชิก กอช. เพื่อส่งเสริมให้คุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่เทศบาลได้มีชีวิตในยามเกษียณที่ดีขึ้น
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ กล่าวว่า กองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. เป็นกองทุนบำนาญพื้นฐานภาคประชาชน เปิดดำเนินการกองทุนครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2558 ซึ่งในปี พ.ศ. 2564 นี้ กอช. ดำเนินงานมาครบรอบ 8 ปี ในการดูแลแรงงานนอกระบบ ตั้งแต่อายุ 15 ปี จนเริ่มวัยทำงานถึงอายุ 60 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมทางการเงินในอนาคต
โดยให้ประชาชนมีวินัยการออม ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานนำไปสู่การลงทุน และการวางแผนทางการเงิน เพื่ออนาคตของตนเองที่ดียิ่งขึ้น สร้างความตระหนักในการวางแผนชีวิต และได้รับสิทธิรับบำนาญการออมกับ กอช. เพื่อได้มีเงินใช้จ่ายในการดำรงชีวิตหลังอายุ 60 ปี เป็นรายเดือน โดยการสมัครออมเงินเริ่มต้นเพียง 50 บาท สูงสุด 30,000 บาทต่อปี ได้เงินสมทบเพิ่มจากรัฐภายในเดือนถัดไป สูงสุด 1,800 บาทต่อปี รวมถึงได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากการลงทุน และเงินออมสะสมนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปี
ถ้าเปรียบเทียบการออมเงินกับ กอช. 30,000 บาทต่อปี ประมาณการเงินสมทบ 1,800 บาทต่อปี เทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ประมาณ 6% ต่อปี ทั้งนี้ ถ้าสมาชิกออมตั้งแต่อายุ 15 – 60 ปี จำนวน 30,000 บาทต่อปี ต่อเนื่องทุก ๆ ปี หลังอายุ 60 ปี จะได้รับเงินบำนาญรายเดือนประมาณ 12,000 บาทต่อเดือน ตลอดชีพจนกว่าจะเสียชีวิต
โดยการบูรณาการความร่วมมือครั้งนี้ กอช. จะส่งเสริมการให้ความรู้การวางแผนทางการเงินให้กับทาง ส.ท.ท. เพื่อให้ประชาชนในพื้นได้มีทักษะความรู้การวางแผนทางการเงิน ได้มีการบริหารจัดการเงินที่ดี สำหรับผู้ที่สนใจสามารถ สมัคร หรือ ส่งเงินออมสะสม ได้ที่ไลน์แอด กอช. “@nsf.th” หรือ แอปพลิเคชัน กอช. แอปพลิเคชัน เป๋าตัง แอปพลิเคชัน MyMo แอปพลิเคชัน K PLUS
รวมถึงหน่วยรับสมัครสมาชิกใกล้บ้านท่าน อาทิ ที่ว่าการอำเภอทั่วประเทศ สำนักงานคลังจังหวัด สถาบันการเงินชุมชน ตัวแทน กอช. ประจำหมู่บ้าน หรือธนาคารของรัฐ อาทิ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ทุกสาขา
รวมทั้งไปรษณีย์ไทย สหกรณ์ชุมชนที่เข้าร่วม เซเว่น-อีเลฟเว่น เทสโก้โลตัส ไปรษณีย์ไทย ตู้บุญเติม และเครือข่ายรับสมัครทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนเงินออม โทร. 02-049-9000