“ชลน่าน” บอกถอนตัวแน่ถ้ามีพรรคอื่นเสนอให้นั่ง ปธ.สภา เมินข่าวลือ พปชร.เสนอ สุชาติ
‘เพื่อไทย’ จัดสัมมนา ส.ส.พรรค เปิดโอกาสให้ถกปมเก้าอี้ประธานสภา ‘ชลน่าน’ บอกมองไม่เห็น ‘พปชร’ เสนอ ‘สุชาติ’ นั่งปธ.สภา ลั่นไม่โง่ให้เขาทำร้ายต่อ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 มิถุนายน ที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าสัมมนา ส.ส.พรรค ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรอง ส.ส.ครบทั้ง 500 คนแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสภาว่า วันนี้เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับ ส.ส. 141 ของพรรค พท. ทั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อและ ส.ส.เขต เพื่อไปทำหน้าที่ในสภา และการเป็นส.ส.ของพี่น้องประชาชนในการประสานงานในสภาและพื้นที่ มั่นใจว่าครั้งนี้เราเป็นรัฐบาล ฉะนั้น บทบาทหน้าที่ในการสนับสนุนรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นเรื่องในสภา หรือติดตามนโยบายต่างๆ ที่ลงสู่การปฏิบัติจะมีการพูดคุยกันในวันนี้
นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ในช่วงเช้าหลังตนเปิดสัมมนาแล้ว จะมีเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงเปิดโอกาสให้สมาชิกได้แสดงความเห็นในทุกมิติ ทุกเรื่องที่ต้องการเห็นในอนาคตของพรรคและประเทศ ในบทบาทหน้าที่ของเรา การที่จะให้พรรคทำอะไร หรือให้ประเทศเป็นอย่างไร ส่วนช่วงบ่ายจะแบ่งการสัมมนาออกเป็น 3 ช่วง แบ่ง ส.ส.ออกเป็น 3 กลุ่ม โดยห้องที่ 1 จะเป็นการแลกเปลี่ยนเรื่องกติกา มารยาท กฎหมาย ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ทั้งหมด ห้องที่ 2 จะเป็นเรื่องบทบาทหน้าที่ของ ส.ส.ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ในพรรค ในพื้นที่ ในสภา และในรัฐบาล และห้องที่ 3 มุ่งเน้นเกี่ยวกับการทำงานประสานงาน
เมื่อถามว่า การเปิดโอกาสให้ ส.ส.ได้พูดคุยจะมีการพูดถึงเรื่อง ประธานสภา หรือไม่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท. กล่าวว่า หลักๆ จะมีสองเรื่อง โดยจะมีเรื่องดังกล่าวด้วย ซึ่งหลังเลือกตั้งเรายังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ฉะนั้น วันนี้ใครมีเรื่องอะไรเกี่ยวกับการถอดบทเรียนหลังเลือกตั้งก็จะสามารถนำมาพูดคุยกันได้ เชื่อว่าน่าจะมีความคิดเห็นที่หลากหลาย ขอให้รอฟัง
เมื่อถามว่า กระแสข่าวเรื่องความไม่พอใจของ ส.ส.เป็นเรื่องจริงหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เราเป็นองค์กรทางการเมือง ซึ่งมีคนหลากหลาย ฉะนั้น เรื่องความเห็นต่างเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญและเรายอมรับ ส่วนจะเป็นการตีความว่าไม่พอใจหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอารมณ์แต่ละคน พรรคถือเป็นความสวยงามในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเราเป็นฝ่ายบริหารมีหน้าที่ต้องฟังและพูดคุย เพื่อนำความเห็นต่างมาเป็นความเห็นร่วมของพรรคให้ได้
เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับกระแสข่าวที่ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เตรียมเสนอชื่อ นายสุชาติ ตันเจริญ แกนนำพรรค พท. เป็นประธานสภา นพ.ชลน่านกล่าวว่า “ผมมองยังไง ผมก็มองไม่เห็น” และกล่าวต่อว่า จริงอยู่ว่าการทำหน้าที่สมาชิกสภาเป็นเอกสิทธิ์ ซึ่งเป็นบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แต่เราอยู่ในฐานะที่เป็นองค์กรทางการเมือง เป็นสถาบันทางการเมือง เป็นพรรคการเมือง ย่อมมีความคิดเห็น โดยมีหลักสำคัญคือหลักเสียงข้างมาก แต่เคารพเสียงข้างน้อย ซึ่งเป็นหลักที่เราใช้ขับเคลื่อนบริหารพรรคมาโดยตลอด
นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า ฉะนั้น กรณีที่มีความเห็นต่างหลากหลายเช่นนี้ก็ต้องมีความเห็นร่วมของพรรคให้ได้ก่อน ก่อนที่จะไปบอกว่าทำนั่นทำนี่ จะให้คนนั้นคนนี้ยื่น ก็ต้องเป็นความเห็นของพรรคมาก่อน และเชื่อว่าพรรคเราจะมีความเห็นร่วมตรงนี้ได้ ทั้งนี้ เราห้ามพรรคอื่นในการเสนอชื่อไม่ได้ เขาอาจเสนอได้แต่ การบริหารจัดการของพรรคเรา ต้องเป็นไปตามความเห็นของพรรค
“ยกตัวอย่างง่ายๆ ผมพูดตรงนี้ไว้เลยว่าหากมีการเสนอชื่อผมโดยที่ผมไม่รู้ และมติพรรคเราชัดเจนว่าเราจะต้องสนับสนุนตามหลักการที่เราแถลงไว้ หากมีคนใดคนหนึ่งลุกขึ้นมาเสนอชื่อผมแข่งประธานสภา ผมก็จะลุกขึ้นบอกว่าผมขอถอนตัว” นพ.ชลน่านกล่าว
เมื่อถามว่า การโหวตเรื่องนี้จะเป็นมติของพรรคชัดเจนหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เราต้องมีเสียงข้างมากของพรรคเป็นมติไป และต้องยอมรับความเห็นต่าง หากปล่อยให้ความเห็นต่างที่ไม่มีความเห็นร่วมไปแบบนั้นมันคือความขัดแย้ง
ถามย้ำว่า มองการปล่อยข่าวลักษณะนี้อย่างไรบ้าง นพ.ชลน่านกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ ธรรมดา ไม่ได้มีประเด็นอะไร ในมิติทางการเมืองความเห็นความคิดและแนวทางที่มีความหลากหลายเป็นสีสันที่ดี แต่จะเป็นไปตามที่เขาเสนอหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและเหตุการณ์ อย่างองค์กรทางการเมืองต้องยึดหลักเสียงข้างมากให้มั่น
เมื่อถามว่า มองว่าประเด็นนี้จะกระทบกับพรรค พท.เหมือนกระแสข่าวว่าพรรค พท.จะจับมือกับพรรค พปชร.หลังการเลือกตั้งหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เป็นกระบวนการต่อเนื่อง เราเจ็บเพราะเรื่องนี้เยอะ ส.ส.141 ที่เราได้มา ส่วนหนึ่งเกิดจากเรื่องนี้ เขาสำเร็จไปส่วนหนึ่งแล้ว เขาทำลาย พท.ได้ แล้ว พท.ยังจะโง่ให้เขาทำลายต่อหรือ ตนเชื่อว่า พท.ไม่ทำ.