จับตา “สุพัฒนพงษ์” ชง ครม. เคาะ “แพคเกจอีวี 3.5” ปรับส่วนลดเหลือไม่เกิน 1 แสน/คัน
“สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รมว.พลังงาน และ ประธานบอร์ดอีวี เตรียมเสนอ ครม.เคาะแพคเกจอีวี3.5 ปรับส่วนลดเหลือสูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท/คัน ต่ออายุอีโคคาร์2 อีก 2 ปี อัดเงินอุ้มลงทุนแบตอีวีรอก่อน รอถกเอกชนอีกรอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 14 มี.ค.2566 คณะกรรมกายานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ที่มี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน จะเสนอมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า(มาตรการอีวี) 3.5 เข้าสู่ที่ประชุมครม. เป็นมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมจากมาตรการอีวี3 เพื่อเปิดให้ค่ายรถยนต์ราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 2 ล้านบาทที่ร่วมมาตรการไม่ทัน เพราะมาตรการจะสิ้นสุดปลายปี 2566 ขณะที่การลงทุนต้องเตรียมแผนเป็นปี สำหรับสิทธิประโยชน์ของมาตรการอีวี3.5 จะเข้มข้นขึ้น คือได้รับสิทธินำเข้ามาขายควบคู่กับตั้งโรงงานผลิตในไทยน้อยกว่ามาตรการอีวี3 เพื่อเป็นธรรมกับค่ายรถที่ลงทุนในช่วงแรกซึ่งแบกรับความเสี่ยงมากกว่า
สำหรับสาเหตุที่เรียกมาตรการอีวี3.5 เพราะเป็นการเรียกตามมาตรการที่เริ่มดำเนินการในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเรียกว่ามาตรการอีวี1 ปี 2560 ปิดรับลงทุนปี 2561 แต่ยังไม่สำเร็จเท่าที่ควรจึงมีการปรับปรุงสิทธิประโยชน์จนเป็นมาตรการอีวี2 ปี 2564 ลงทุนแบบไม่มีปลายปิด ก่อนจะดำเนินการมาตรการอีวี3 ในปี 2565 ด้วยการออกแพคเกจลงทุนจนสามารถกระตุ้นตลาดอีวีในไทยสำเร็จ ระยะเวลาลงทุน 2565-68 สำหรับค่ายรถที่คาดว่าจะเข้าลงทุนในมาตรการอีวี3.5 อาทิ ค่ายรถยนต์ยุโรป โดยเฉพาะบีเอ็ม และเบนซ์ ค่ายอเมริกา ค่ายจีน และญี่ปุ่นที่ยังไม่ตัดสินใจลงทุน
รายละเอียดมาตรการอีวี3.5 ดังนี้ 1.ขยายเวลา 2 ปีสำหรับการนำเข้ารถยนต์อีวีเข้ามาขายในไทย กำหนดนำเข้าปี 2567-68 และต้องผลิตรถยนต์ในปี 2569-70 จากมาตรการอีวี3 กำหนดนำเข้า 2565-66 และผลิตรถยนต์ในปี 2567-68 2.สัดส่วนการผลิตชดเชยเทียบจากตัวเลขนำเข้า หากผลิตปี 2569 จะต้องผลิตให้ได้ 2 เท่าจากยอดนำเข้า หรือ 2:1 และหากผลิตปี 2570 จะต้องผลิตให้ได้ 3 เท่าจากยอดนำเข้า หรือ 3:1 จากมาตรการอีวี3 กำหนดผลิต 1:1
3.คุณสมบัติของรถอีวี กำหนดขนาดแบต 50 KW ระยะทางมากขึ้น ความสามารถในการชาร์จเร็วขึ้น จากมาตรการอีวี3 กำหนดขนาดแบต 30 KW 4.เงินสนับสนุนลดลง โดยขนาดแบตต่ำกว่า 50 KW ได้เงินไม่เกิน 50,000 บาทต่อคัน ขนาดแบตสูงกว่า 50 KW ได้เงินไม่เกิน 100,000 บาท จากมาตรการอีวี3 กำหนดขนาดแบต10-ต่ำกว่า 30 KW ได้เงินไม่เกิน 70,000 บาทต่อคัน ขนาดแบตสูงกว่า 30 KW ได้เงินไม่เกิน 150,000 บาท
Advertisement
5.รถยนต์อีวีที่ผลิตได้ต้องเข้าทดสอบที่ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (Automotive and Tyre Testing, Research and Innovation Center – ATTRIC) ที่ได้มาตรฐานมอก. และมาตรฐานสากล จากมาตรการอีวี3 ไม่มีการกำหนดไว้ และ6.ต้องแถมเครื่องชาร์จ 2 ชุด แบ่งเป็น Adaptor ติดรถ 1 ชุด และ wall charge ติดบ้าน 1 ชุด จากจากมาตรการอีวี3 การแถมเครื่องชาร์จไม่ได้กำหนดบังคับ บางค่ายแจก บางค่ายไม่มีแจก
นอกจากนี้บอร์ดอีวีจะเสนอให้กรมสรรพสามิตของบกลางปี 2567 สำหรับดำเนินมาตรการมาตการอีวี3 ที่ให้เงินสนับสนุนรถยนต์ต่อคันไม่เกิน 150,000 บาท รวมทั้งจะขยายเวลาการสนับสนุนรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรสากล หรือ อีโคคาร์ 2 อีก 2 ปี เป็นสิ้นสุดธันวาคม 2568
ส่วนมาตรการสนับสนุนการผลิตแบตเตอรี่ด้วยการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีสรรพสามิตจาก 8% ลดเหลือ 1% รวมทั้งมาตรการสำคัญคือ เงินสนับสนุนวงเงิน 24,000 ล้านบาท สำหรับการผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ในประเทศไทย สำหรับโรงงานผลิตแบตเตอรี่ขนาดต่ำกว่า 8 GWh จะได้รับเงินสนับสนุนระหว่าง 400-600 บาท/kWh หากเป็นโรงงานผลิตแบตเตอรี่ขนาดสูงกว่า 8 GWh จะได้รับเงินสนับสนุนระหว่าง 600-800 บาท/kWh บนหลักการ “ลงทุนผลิตก่อน ได้รับเงินสนับสนุนก่อน” คาดว่าจะยังไม่มีการเสนอเข้าครม. เพื่อหารือกับนักลงทุนอีกครั้ง.