พระศรีสิทธิมุนี ชี้ธรรมมหัศจรรย์ รับวันมาฆบูชา
เข้าสู่เดือนมาฆะหรือมาฆบุรณมี หมายถึงการบูชาพระในวันพ็ญกลางเดือน 3 ตามปฏิทินของอินเดียซึ่งตรงกับจันทรคติของไทยคือ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 มีความสำคัญคือ เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง“โอวาทปาฏิโมกข์” ใจความสำคัญว่า “ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์”
วันมาฆบูชาได้เกิดเหตุมหัศจรรย์ขึ้นพร้อมๆ กันทั้ง 4 ประการ ประการแรกได้แก่ เป็นวันเพ็ญเดือน 3 พระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์ (ดวงจันทร์เดินมาถึงดาวฤกษ์ชื่อมฆา) ประการที่สองพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูปมาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัด เวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ประการที่สามพระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6 และประการที่สี่พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ “เอหิภิกขุอุปสัมปทา” เหตุมหัศจรรย์ทั้ง 4 ประการข้างต้นทำให้วันมาฆบูชา เรียกอีกชื่อได้ว่า วันจาตุรงคสันนิบาต
ในโอกาสที่มาถึงเดือนที่เกิดมหัศจรรย์นี้ พระศรีสิทธิมุนี เจ้าอาวาสวัดโพธินิมิตรสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพฯ ได้เมตตามาชี้แนะ บนเวทีธรรมบรรยาย “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ” จัดโดย บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ในหัวข้อ “มหัศจรรย์แห่งชีวิต”
พระศรีสิทธิมุนีเริ่มเล่าว่า การที่เราจะไปปฏิบัติธรรมเราจะต้องหาเวลาไปต้องลาพักร้อน 5 วัน 7 วัน แต่ถ้าเราเปลี่ยนคำใหม่ เป็นเอาธรรมะมาปฏิบัติเราจะทำได้ทุกวัน มหัศจรรย์แห่งชีวิตไม่ต้องคิดไปไกลความมหัศจรรย์เราสร้างเองได้ด้วยหนึ่งสมองกับสองมือ สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในแต่ละยุคอย่างพีระมิด โคลอสเซียมหรือกำแพงเมืองจีน มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่มนุษย์เราสร้างมันขึ้นมา เพราะฉะนั้นสิ่งมหัศจรรย์แห่งชีวิตเราเราต้องสร้างเอง จะไปขอกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่เราไม่ลงมือทำมันก็ไม่ได้ เช่นว่า ขอให้เจริญในหน้าที่การงาน ขอให้เจ้านายขึ้นเงินเดือนให้ แต่เราไม่ตั้งใจทำงาน เมื่อไหร่จะเจริญความมหัศจรรย์มันก็ไม่เกิด เพราะเราไม่สร้างเหตุแห่งความเจริญให้กับชีวิตของเราคือเราไม่ได้เอาธรรมะมาปฏิบัติแต่เรามุ่งมั่นที่จะไปปฏิบัติธรรมดังนั้นมันเลยขัดแย้งกันเราก็ไม่สามารถที่จะทำให้ชีวิตของเราเจริญรุ่งเรืองได้
การที่เราจะเอาธรรมะมาปฏิบัติก็แค่สร้างความเป็นมงคล มงคลคือเหตุแห่งความเจริญอย่างตอนเช้าก็ควรพูดดี ๆ กับคนในครอบครัวแทนการบ่น คือเอาธรรมมะมาไว้ที่กาย ไว้ที่วาจา ไว้ที่ใจ ความเป็นสิริมงคลก็จะเกิดขึ้น ดังนั้นความมหัศจรรย์แห่งชีวิตของเราก็เริ่มขึ้นแล้ว บางครั้ง ธรรมะ ก็คือการที่รู้ว่าอะไรคืออะไร อย่างเช่นการที่เราจะพูดกับเจ้านายของเราในที่ทำงานแล้วเราไปพูดแบบเพื่อน ไม่รู้จักว่าอะไรเป็นอะไรไม่รู้จักว่าเขาเป็นเจ้านายเราไม่รู้ควรต้องใช้คำพูดแบบไหน แบบนี้คือไม่มีธรรมะอย่างไม้เกาหลังสั้นหรือยาวควรเลือกแบบไหน…ก็ควรเลือกให้เหมาะว่าเราจะเกาตรงไหน เกาใกล้ ๆ เลือกอันสั้นก็ได้ เกาไกลหน่อยก็เลือกอันยาว นี่คือการรู้จักว่าอะไรคืออะไร คือการที่ได้นำธรรมะมาปฏิบัติแล้ว
เวลาเราทำงาน เราทำด้วยฉันทะหรือเราทำด้วยตัณหา เมื่อไหร่ที่เราทำงานเรารู้ว่าเป็นหน้าที่เป็นความรับผิดชอบของเรา ทำมันให้เต็มที่คนที่จะพิจารณาคือเจ้านายของเราเขาจะเห็นเองจากงาน เพราะฉะนั้นงานบ่งบอกคุณภาพของคน ถ้าเราทำแบบนี้ได้คือเราก็เริ่มสร้างความมหัศจรรย์ให้กับชีวิตของเราในเบื้องต้นแล้ว
อะไรที่บ่งบอกว่าเราได้สร้างความมหัศจรรย์ในตัวเราเอง อย่างแรกคือการรู้ตัว ตระหนักรู้ เวลาเราได้อะไรมาน้อยกว่าคนอื่น ไม่ดีกว่าคนอื่น หรือแย่กว่าคนอื่น อย่าได้โทษคนอื่นเพราะเราเองที่เป็นจุดเริ่มต้นของการที่เราเป็นแบบนั้น ถ้าเราเข้าใจแบบนี้เราจะใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นดังนั้นการที่เราจะเลือกเอาธรรมะมาปฏิบัติเพื่อสร้างความมหัศจรรย์ในชีวิต วันนี้อาตมาให้ไว้ 5 ข้อ
ข้อที่หนึ่งคือต้องต้องรู้จักเลือกคบคนสำคัญสุดเลย แน่นอนว่าเราต้องเลือกคบคนดี คนดีลักษณะคือบุคลิกถูกตา วาจาถูกหู ภูมิรู้ถูกใจ อุปนิสัยถูกธรรมะ สี่ประการ
ข้อที่สองคือรู้จักฝึกฝนตนเอง คนที่จะเกิดมาพร้อมพรสวรรค์หายาก ดังนั้นเราจึงควรหมั่นแสวงเพราะถ้าไม่แสวงจะไม่เจอสวรรค์ อย่าพูดว่าทำไม่ได้ถ้ายังไม่ลงมือทำ เวลาเจ้านายบอกให้เรางานแล้วเรารีบบอกว่าทำไม่ได้คนแบบนี้ไม่เจริญ เพราะเราไม่ได้สร้างความมหัศจรรย์ให้กับชีวิตเมื่อเราไม่มีความมหัศจรรย์เจ้านายก็ไม่เห็นแล้วเราจะเจริญในหน้าที่การงานได้อย่างไร อันนี้คือการฝึกกาย ส่วนการฝึกวาจาฝึกใจก็คืออ่อนน้อมถ่อมตนมีสัมมาคาราวะ
ข้อที่สามคือรู้จักเพ่งภาวนาฝึกเป็นผู้ให้ ให้เท่ากับได้ ไม่จำเป็นต้องให้เงิน ถ้าเราให้น้ำใจเราจะได้เพื่อนเราจะได้ความรักความช่วยเหลือ
ข้อที่สี่รู้จักเมตตาต่อสัพสัตว์ โบราณบอกไว้ว่า “จุดตะเกียงดีกว่าด่าความมืด” สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราบางทีเราก็หันกลับมาดูตัวเราเองนะ เราอยากจะได้สิ่งต่าง ๆ เราเคยให้ไหม อยากจะให้คนอื่นทำดีกับเรา เราต้องทำดีกับคนอื่นก่อน เพราะฉะนั้นเราจึงต้องฝึกความเป็นผู้ให้ก่อนคือรู้จักเมตตาต่อสัพสัตว์
สุดท้ายคือรู้จักสมบัติแห่งความเจริญ 6 ประการ อย่าโจมตี อย่านินทา รักษาศีล อย่าเห็นแก่กิน อย่าเห็นแก่นอน สอนใจตัวเอง ถ้าเราทำได้ทั้งหมดนี้แล้วเราทุกคนทุกท่านก็จะเป็นคนที่สร้างความมหัศจรรย์ในชีวิตได้พบกับกิจกรรมเรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ ได้ทุกวันศุกร์ เวลา 12:00-13:30 น. ผ่านช่องทาง facebook fanpage CPALL หรือสามารถรับฟังย้อนหลังได้ที่ช่องทางเดียวกัน พร้อมรับฟังคติธรรมดี ๆ ในช่องทาง TikTok ได้ที่ ธรรมะ TikTok.