หมดบุญเก่า : จีดีพีโตต่ำ!

“นโยบายการเมื่อง…เรื่องเศรษฐกิจ แนวคิดแก้ปัญหาใหญ่ ยุค New Normal ที่ “โตต่ำ” กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว”

การเมือง…จะเป็นตัวชี้วัด “วิกฤติหรือโอกาส” ของเศรษฐกิจไทย ในยุค New Normal ที่อัตราการเติบโตเป็นไปในแบบ “โตต่ำ” จนกลายเป็นเรื่องปกติ โจทย์ใหญ่ของปัญหายักษ์ข้อนี้ ไม่ได้อยู่ที่การลดดอกเบี้ย หรือการแจกเงินระยะสั้น แต่คือ…รัฐบาลใหม่จะกล้า “ผ่าตัดโครงสร้าง” ที่หมดบุญเก่า และคอยฉุดรั้งให้เศรษฐกิจไทยได้หรือไม่?
เศรษฐกิจไทย…กำลังเผชิญความจริง! ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป??? นั่นคือ…การเติบโตใน “ระดับต่ำ” กำลังกลายเป็น “สภาพปกติใหม่ (New Normal)” ของประเทศ ไปเสียแล้ว
ไม่ใช่เพียง “ภาวะชะลอตัว” ตามวัฏจักรเศรษฐกิจ หากแต่เป็น “ผลลัพธ์” จากปัญหาเชิงโครงสร้าง! ที่สะสมมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็น…
ผลิตภาพที่ไม่ขยับ (Productivity : ความสามารถในการสร้างมูลค่าให้เศรษฐกิจไทย), การลงทุนใหม่ที่หายไป, ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่กดทับกำลังซื้อ และ ความไม่แน่นอนทางการเมือง…ที่คอย “บั่นทอน” ความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่อง
นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย สะท้อนภาพนี้อย่างตรงไปตรงมาว่า…
“เศรษฐกิจไทยไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เดิม…ที่แม้ไม่ทำอะไร เศรษฐกิจก็ยังเติบโตได้ 3–4% แต่วันนี้…จะโต 2% ยังยาก!!! เพราะประเทศกำลัง “ติดหล่ม” ปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งสังคมสูงวัย หนี้ครัวเรือนสูง ความเหลื่อมล้ำ และการขาดการลงทุนใหม่”
โดยย้ำชัดว่า…นี่ไม่ใช่ปัญหาระยะสั้น และไม่สามารถแก้ได้ด้วยนโยบายกระตุ้นแบบเดิม
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การถกเถียงเชิงนโยบายเศรษฐกิจมหภาค มักจะ “วนเวียน” อยู่กับการ…ลดดอกเบี้ย การแจกเงิน หรือการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
แต่สัญญาณจากทั้งภาคเอกชนและภาคการเงิน ต่างบอกตรงกันว่า…เครื่องมือเหล่านี้ มี “ขีดจำกัดสูง!”
ดอกเบี้ยที่ลดลงต่อเนื่อง อาจช่วยพยุงสภาพคล่อง ช่วยให้ลูกหนี้ยังไม่ล้ม แต่ไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจกลับมาวิ่งได้อีกแล้ว
ตรงกับที่ ผู้ว่าการ ธปท. เคยระบุเอาไว้ว่า…การลดดอกเบี้ยรวมกว่า 1.25% ในรอบปี มีผลต่อจีดีพีไม่ถึง 0.2% เพราะ “ปัญหาหลัก” ไม่ได้อยู่ที่…ต้นทุนเงิน แต่คือ…โครงสร้างเศรษฐกิจที่อ่อนแรง!!!
เสียงจาก ฝ่ายนโยบายการเมือง เอง ก็เริ่ม สะท้อนความจริงเดียวกัน โดยก่อนหน้านี้ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ระบุในหลายเวทีว่า…
เศรษฐกิจไทยกำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ การใช้นโยบายกระตุ้นระยะสั้นเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป หากไม่เร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เพิ่มผลิตภาพ และดึงการลงทุนใหม่ ประเทศจะไม่สามารถหลุดพ้นจากกับดักการเติบโตต่ำได้
พร้อมย้ำว่า…การบริหารเศรษฐกิจระยะต่อไปต้องอาศัย “ความเข้าใจเชิงโครงสร้าง” มากกว่าการใช้นโยบายที่ให้ผลเร็วแต่ไม่ยั่งยืน
ตัวแทนภาคเอกชน อย่าง…นายนาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ ประธานคลัสเตอร์อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ย้ำว่า…
“เศรษฐกิจไทย…มาถึงจุดที่เรียกว่าหมดบุญเก่าแล้ว”
สะท้อนภาพเดียวกันอย่างชัดเจนว่า…เศรษฐกิจไทยกำลัง “หมดบุญเก่า” และยังคงพึ่งพาอุตสาหกรรมเดิม, เทคโนโลยีเดิม และแรงงานทักษะเดิม
ขณะที่ ประเทศคู่แข่ง…ลงทุนใหม่อย่างก้าวกระโดด!!??
ต้นทุนที่นักลงทุนกังวล…ไม่ใช่เพียงค่าแรง แต่มันคือ…พลังงาน, โครงสร้างพื้นฐาน, ระบบโลจิสติกส์ และคุณภาพแรงงาน
หากโครงสร้างเหล่านี้ ยังไม่ถูกแก้!!! ในทางกลับกัน…ภาครัฐยังจะดันทุรัง เดินหน้า “แทรกแซง” ค่าแรง หรือการอัดฉีดเงินในระบบระยะสั้น ชนิด…ผิดฝาผิดตัว! ก็จะยิ่งเร่งให้การลงทุนของต่างชาติไหลออกนอกประเทศได้เร็วขึ้น…
ขณะเดียวกัน ธปท. เอง ออกยอมรับ ว่า “กระสุนเชิงนโยบาย” เหลือจำกัด และจำเป็นต้องเปลี่ยนบทบาทจาก… “ผู้ดูแล” เสถียรภาพมหภาค มาเป็น “ผู้ผลักดัน” การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างแบบเฉพาะจุด???
ไม่ว่าจะเป็นการ…จัดการหนี้ครัวเรือนรายย่อย, การค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอี หรือการแก้ความไม่เป็นธรรมในระบบการเงิน
ทั้งหมดสะท้อนว่า…ตลาดไม่สามารถปรับตัวเองได้อีกแล้ว หากไม่มีการ “ออกแบบ…นโยบายเชิงรุก!” จากฝ่ายการเมืองที่ดีพอ…
ภาพรวมทั้งหมด กำลังตั้งคำถามใหญ่…ไปยังฝ่ายการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ว่าจะยัง “เดินเกมเศรษฐกิจ” แบบเดิมหรือไม่??? ในยุคที่ “โตต่ำ” กลายเป็นเรื่องปกติ!!!
คำสัญญาที่แจกง่าย, เห็นผลเร็ว อาจช่วย “ชนะใจ” คนไทยในระยะสั้น แต่ไม่อาจนำพาประเทศได้ “หลุด” จาก “กับดักเชิงโครงสร้าง” ได้…
“ทีมเศรษฐกิจของประเทศ” ในรัฐบาลสมัยหน้า จึงต้องเป็น “เทคโนแครต” ตัวจริง! ไม่ใช่ “นักหาเสียง” ที่ถนัดแจก…
นโยบายระยะสั้น อาจจำเป็นเพื่อ “ซื้อเวลา” ในทางการเมือง รองรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ แต่เวลาส่วนใหญ่หลังจากนั้น…จะต้องถูกใช้ไปกับการ “ผ่าตัด” โครงสร้างอย่างจริงจัง!
หากไม่เร่ง “ยกระดับ” ผลิตภาพ และ “ดึง” การลงทุนใหม่เข้าประเทศ แล้วล่ะก็…ต่อให้ “ดอกเบี้ยเป็นศูนย์” เศรษฐกิจก็ไม่อาจฟื้นตัวอย่างยั่งยืนได้
และในช่วง ปี 2569–2570 เศรษฐกิจไทย…จะเข้าสู่ช่วง “คัดกรอง” โดยอัตโนมัติ ธุรกิจที่ไม่ปรับตัว…จะค่อย ๆ หลุดออกจากระบบ!!??
ท้ายที่สุด…เศรษฐกิจไทยไม่ได้กำลัง “ชะลอ” แต่กำลัง “เปลี่ยนระดับการเติบโตถาวร”
ดอกเบี้ยที่ลดลง…อาจช่วยประคองลมหายใจ แต่อนาคตของประเทศจะรอดหรือไม่? ไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขดอกเบี้ย
หากอยู่ที่ว่า…ฝ่ายนโยบายการเมือง จะกล้า “ลงมือ” ผ่าตัดโครงสร้างจริงเพียงใด? ในยุคที่เศรษฐกิจ ติด “กับดัก” New Normal…เศรษฐกิจโตต่ำ จนกลายเป็นเรื่องปกติ ไปเสียแล้ว!!!.






