คนไทยยอมเจ็บ เพื่อให้จบ! ก่อนสิ้นปี!!??

คนไทยได้วัดใจ “นายกฯอนุทิน” ในท่ามกลางศึกรอบใหม่กับกัมพูชา ถ้อยคำ “ไม่ยอมให้ใครรุกรานอีกต่อไป” ถือเสียงสะท้อนตรงใจคนไทยทั่วแผ่นดิน “สหรัฐฯ-มาเลเซีย” ไม่เหลือความชอบธรรมให้ต้องอุ้ม “ชาติอันธพาล” อีกต่อไป ถึงเวลาที่คนไทยยอมเจ็บ เพื่อให้จบ! ในรุ่นเรา เอาให้จบก่อนสิ้นปีนี้แล้วกัน!!!

สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา กลับมาทวีความตึงเครียดหนัก! ต่อเนื่องนรอบ 2 วันนี้

ล่าสุด! กับ…สัญญาณที่ส่งออกมาจากถ้อยแถลงของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย หลังเสร็จสิ้นการประชุมร่วมกับ หน่วยงานด้านความมั่นคง เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (8 ธ.ค.2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยประกาศหนักแน่นว่า…

การปกป้องอธิปไตยของไทยจะต้องดำเนินไปอย่างเด็ดขาด และไม่มีเหตุผลใด? ให้ไทยต้องเปิดโต๊ะเจรจากับกัมพูชาในเวลานี้

หลังเกิดเหตุยิงโจมตีข้ามแดน ที่ทางไทย ระบุว่า…เป็นการพุ่งเป้าใส่พลเรือนมากกว่าพื้นที่ทางทหาร

ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยยอมรับไม่ได้ และถือเป็น “ตัวเร่ง” ให้รัฐบาลและกองทัพไทย…ต้องแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองพื้นที่ชายแดน โดยย้ำว่า…กองทัพมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนเพื่อรักษาอธิปไตย เกียรติภูมิของประเทศ และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

การอพยพประชาชน…นับแต่เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (7 ธ.ค.) จึงถูกสั่งการให้เป็นไปอย่างเป็นระบบ! ครอบคลุมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัดชายแดน…ที่ได้รับสั่งการให้ใช้ “ทรัพยากรของรัฐ” อย่างเต็มที่ เพื่อให้ “ศูนย์พักพิง” และ “กระบวนการคุ้มครองชีวิตประชาชน” เป็นไปตาม…มาตรฐานสูงสุด! เท่าที่จะเป็นได้

ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังกล่าวถึงความคาดหวังของประชาชน ที่อยากให้เหตุการณ์นี้ยุติลงโดยเร็ว โดยชี้ว่า แสนยานุภาพของกองทัพไทยเป็นหลักประกันสำคัญว่าไม่ควรมีประเทศเพื่อนบ้านใดกล้าล่วงละเมิดพื้นที่ไทยอีกต่อไป

การตอบโต้ล่าสุด! ที่ไทยดำเนินการ ถูกอธิบายว่า…ไม่ใช่เพื่อ “ส่งสัญญาณ” ทางการเมือง หากแต่เป็นการปกป้องไม่ให้ภัยคุกคามลุกลามไปสู่พื้นที่พลเรือน ซึ่งเป็นหลักการป้องกันตนเองตามมาตรฐานสากล

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จากนี้ไทยไม่เปิดช่องให้มีการเจรจาอีกต่อไป เว้นแต่กัมพูชาจะเป็นฝ่ายหยุดยิงและแก้ปัญหาตามเงื่อนไขที่ไทยกำหนดเท่านั้น!!!

พร้อมชี้ว่า…การถูกยั่วยุอย่างต่อเนื่องเป็นเหตุให้ไทยไม่สามารถใช้การทูตในรูปแบบเดิมได้อีก

นายอนุทิน ยังได้กล่าวถึง joint declaration” ที่เคยถูกยกขึ้นอ้างในอดีตว่า “ไม่มีแล้ว จำไม่ได้แล้ว” เพื่อสื่อว่า…ความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทำให้แนวทางความร่วมมือเดิมหมดความหมายลงไปโดยปริยาย

ในประเด็น “สื่อนานาชาติ” ที่รายงานว่า…ไทยเป็นฝ่ายเปิดโจมตีก่อนนั้น นายกรัฐมนตรี ตอบหนักแน่นว่า ที่ผ่านมาไทยได้พิสูจน์ต่อทุกเวทีว่าถูกคุกคามตลอดมา และได้ส่งเอกสารหลักฐานไปยังองค์กรระหว่างประเทศแล้ว

พร้อมกับย้ำว่า…คนไทยต้องเชื่อข้อมูลที่มาจากประเทศไทยมากกว่าคำกล่าวอ้างของอีกฝ่ายที่เป็น “ผู้รุกราน”

ก่อนจะถามกลับไปยังผู้สื่อข่าวที่หยิบคำถามนี้มาถาม ว่า “คุณเป็นคนไทย จะเชื่อกองทัพไทย หรือเชื่อศัตรูเราล่ะ???”

สิ่งนี้…มันสะท้อนถึง “จุดยืน!” ของรัฐบาล ทำนอง…ความเป็นเอกภาพทางข้อมูลแ ละความมั่นคงทางข่าวสาร เป็นสิ่งสำคัญในภาวะความขัดแย้งเช่นนี้!!!

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณี “ผู้นำ” ประเทศเพื่อนบ้าน และชาติมหาอำนาจ ที่ก่อนหน้าที่เคยทำหน้าที่เป็น “กาวประสานใจ” ที่ไร้สมรรถณะ ว่า…เรื่องชายแดนครั้งนี้ เป็นเรื่องระหว่างไทยกับกัมพูชา ไม่ใช่ประเด็นที่สหรัฐหรือมาเลเซียจะเข้ามากำกับหรือชี้นำได้

นายอนุทิน ยังระบุด้วยว่า ตนยังไม่ได้พูดคุยกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หรือกับ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย พร้อมกล่าวถึงโพสต์แสดงความกังวลของผู้นำมาเลเซีย ว่า หากจะขอให้ใครหยุดสู้ ควรไปบอกฝ่ายที่รุกรานประเทศไทยก่อน ไม่ใช่มาเรียกร้องให้ไทยเป็นฝ่ายยับยั้ง!!!

ทั้งยังย้ำว่า…ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่ไทยจะถูกคาดหวังให้ “อดทน” ต่อไปอีก เนื่องจากสถานการณ์ได้ยกระดับเกินจุดที่เจรจาได้แล้ว!!??

ในเวลาเดียวกัน สถานการณ์ชายไทยด้านตะวันออกก็เริ่มคุกรุ่นอีกครั้ง! เมื่อ กองกำลังบูรพาในสังกัดกองทัพภาคที่ 1 รายงานถึงการเคลื่อนกำลังของกัมพูชาตามแนวชายแดนจังหวัดสระแก้ว โดยพบการเตรียมพร้อมรบสูงสุด การเสริมยุทโธปกรณ์หนัก และการเคลื่อนที่ประชิดแนวแบ่งเขต

ซึ่งฝ่ายไทยประเมินว่า…พฤติกรรมของฝั่งกัมพูชา ถือเป็น “ภัยคุกคาม!” ต่ออธิปไตยไทยโดยตรง และขัดต่อข้อตกลงสันติภาพไทย–กัมพูชา

ดังนั้น หน่วยทหารไทย…จึงเข้าปฏิบัติการเพื่อ “ยึดคืนพื้นที่อธิปไตย” ที่ถูกคุกคาม! ส่วนรายละเอียดของการปฏิบัติการจะยังไม่ได้เปิดเผย แต่จากสัญญาณที่ปรากฏ มันก็สะท้อน ว่า…

ไทยกำลังขยายมาตรการป้องกันตนเองไปยังแนวตะวันออกอย่างเป็นระบบ เพื่อปิดจุดอ่อนด้านยุทธศาสตร์ที่อาจถูกใช้ประโยชน์จากฝ่ายตรงข้ามได้

ไม่แปลก! หากเครื่องบินรบของไทย อย่าง F-16 จะบินไปทิ้งไข่เบอร์ 0 จำนวน 8 ใบใส่พื้นที่ทางการทหาร ทั้งที่อยู่ในป่าและในเมือง ตามแนบตะเข็บพรมแดนไทย

เมื่อรวมกับ เหตุการณ์ในจังหวัดสุรินทร์, ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ภาพรวมมันเห็นได้ชัดเจนว่า…ไทยมองสถานการณ์ครั้งนี้ ในฐานะ “การป้องกันอธิปไตยแบบรอบทิศทาง!!!”

โดยมี “จุดยืน” อย่างมั่นคง ในทำนอง…จะไม่ยอมให้ฝ่ายใด? เข้ามาคุกคามพื้นที่ไทยอีกต่อไป!!!

ทั้งในระดับพื้นที่ปฏิบัติการ และระดับการเมืองต่างประเทศ

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า…เป้าหมายสูงสุดของรัฐบาล คือ ต้องรักษาความปลอดภัยของคนไทยและศักดิ์ศรีของรัฐชาติ โดยใช้อำนาจที่มีในการสนับสนุนกองทัพและฝ่ายปกครองอย่างเต็มที่

พร้อมยืนยันว่า…กระบวนการทั้งหมดต้องเป็น “ความลับ!” ทางยุทธศาสตร์ ในช่วงที่สถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย และขอให้ สื่อมวลชนหลีกเลี่ยงคำถามที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ

ท้ายที่สุด! บรรยากาศความตึงเครียด ตลอดแนวชายแดน มันได้สะท้อนว่า…ความขัดแย้งระหว่างไทย–กัมพูชาได้เคลื่อนเข้าสู่จุดที่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องตัดสินใจอย่างระมัดระวัง!

นายกรัฐมนตรี ประกาศชัดว่า…ไทยไม่ใช่ผู้รุกราน แต่จะไม่ยอมให้ใครรุกรานอีกต่อไป

การตอบโต้ที่เกิดขึ้น…ถูกให้ความหมายในฐานะ “ภารกิจปกป้องชาติ!” ไม่ใช่การเพิ่มความรุนแรง!!??

และไทย…จะเดินหน้าเพียงแนวทางที่ “รักษาเอกราชอธิปไตย” อย่างสูงสุด! เท่านั้น

ขณะที่ สถานการณ์ภาคสนาม…ยังคงดำเนินไปในหลายพื้นที่ โดยที่ หน่วยความมั่นคง ระบุว่า…จะรายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องเมื่อประเมินว่าปลอดภัยและไม่กระทบต่อความสำเร็จของปฏิบัติการในภาพรวม

ก็อย่างที่ นายกฯอนุทิน หยิบเอาคำพูดของชาวบ้านแถบชายแดนไทย-กัมพูชา มายกอ้างนั่นแหละ…

พวกเขายอมเจ็บ เพื่อให้…รัฐบาลไทยและกองทัพไทย ทำมันให้จบ! ในรุ่นของเรา อย่าได้ปล่อย “ภัยมะเร็งร้าย” จากพฤติกรรมอันน่ารังเกียจของ “ผู้นำประเทศข้างบ้าน” มาบ่อนทำลายความสงบสุขของไทย และเป็นภัยคุกคามสูงสุด! ต่ออธิปไตยไทยอีกต่อไป

เอามันให้จบ! เสียก่อนถึงปีใหม่นี้!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password