สรรพสามิตปรับยุทธศาสตร์ EXCISE EXerCISE ดันยอดจัดเก็บรายได้ปี’70 โต 5%

“อธิบดีกรมสรรพสามิต” เปิดยุทธศาสตร์ใหม่ “EXCISE EXerCISE” รับนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล มุ่งเดินหน้าปรับบทบาทสู่กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจยั่งยืน ย้ำ!  “ทำให้จริง ทำให้สำเร็จ” ตั้งเป้าดันรายได้ปี 2569 ตามแผน 5.872  แสนล้านบาท ทะยานโตสู่ระดับ 6.112 แสนล้านบาทในปี 2570

กรมสรรพสามิตประกาศทิศทางการดำเนินงานปีงบประมาณ 2569 ภายใต้แนวคิด EXCISE EXerCISE – สร้างพลังสรรพสามิต ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน” เพื่อเดินหน้าตาม นโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล โดย ดร. พรชัย ฐีระเวช อธิบดีกรมสรรพสามิต ระบุว่า บทบาทของกรมกำลังเปลี่ยนผ่านจากหน่วยจัดเก็บรายได้ไปสู่กลไกสำคัญของระบบเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ สังคม และธรรมาภิบาล ซึ่งสะท้อนชัดในโครงสร้างรายได้ปัจจุบันที่ประกอบด้วยภาษีเพื่อสิ่งแวดล้อม 57% และภาษีเพื่อสังคม 43%

โดยปีนี้ กรมฯได้ต่อยอดจากความสำเร็จของ SMART Excise มาสู่ยุทธศาสตร์ “Diamond of SMART EXCISE” ที่เพิ่มมิติความโปร่งใส ความแม่นยำ ความเป็นธรรม ความเรียบง่าย และความผาสุกให้เด่นชัดขึ้น พร้อมนำแนวคิด “EXCISE is a Society of EXerCISE” มาขับเคลื่อนองค์กรด้วยวินัยและความเป็นมืออาชีพของบุคลากรทุกระดับ โดยมีเป้าหมายสร้างระบบภาษีที่ทั้งควบคุมสินค้าที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมให้ผู้ผลิต–ผู้บริโภคปรับตัวสู่ความยั่งยืนตามมาตรฐานสากล

อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวอีกว่า “นโยบายเดิม มีและดีอยู่แล้ว เอามาปรับเพิ่ม ใส่ Diamond จะได้มีเหลี่ยมมุมที่คม แข็งแกร่งและยั่งยืน โดยกำหนดเป็นนโยบาย คือ ‘ทำให้จริง ทำให้สำเร็จ’” ซึ่งเป็นกรอบคิดที่ถือเป็นทั้งทิศทางและคำประกาศเจตนารมณ์ต่อบุคลากรของกรมทั้งหมด โดยปีงบประมาณ 2568 ได้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 587,200 ล้านบาท และในปี 2570 จะผลักดันให้เติบโต 5% เป็นราว 611,220 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนรายได้รัฐบาลสู่ระดับ 3 ล้านล้านบาทในระยะใกล้

การขับเคลื่อนดังกล่าวเชื่อมโยงกับแผนการคลังระยะปานกลางปี 2570–2573 ซึ่งประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเฉลี่ยราว 2–3% ต่อปี กรมสรรพสามิตจึงปรับกลยุทธ์ตามสมการ “รายได้ภาษี = ราคา × ปริมาณ × อัตราภาษี” ผ่านการ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ การทบทวนกฎหมาย การนำเทคโนโลยีมาประเมินมูลค่าการนำเข้าสุรา การสำรวจราคาขายปลีกแนะนำ การปรับระบบตรวจสินค้า การขยายฐานภาษีกิจการบริการ และการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายแบบเชิงรุก โดยความร่วมมือหลายหน่วยงาน ทั้ง ตำรวจ กรมการปกครอง กองทัพ และศูนย์รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

ซึ่งช่วง 1 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายน 2568 สามารถจับกุมคดีได้ 3,974 คดี ของกลางกว่า 701,000 ซอง สร้างความเสียหายทางภาษีมากกว่า 35 ล้านบาท และค่าปรับรวมกว่า 482 ล้านบาท

ในส่วนของ การปรับโครงสร้างอัตราภาษี กรมฯเตรียมพิจารณาการปรับภาษีน้ำมันตามต้นทุนและสถานะกองทุนน้ำมัน การปรับภาษีสุรา เบียร์ และยาสูบตามหลักสุขภาพ การออกแบบภาษีแบตเตอรี่ที่สะท้อนผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีใหม่ การขยายภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย และการเตรียมระบบภาษีคาร์บอนเพื่อรองรับมาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป รวมถึง มาตรการในอนาคต เช่น ภาษีความเค็ม สิทธิประโยชน์ผลิตภัณฑ์สีเขียว เชื้อเพลิงการบินยั่งยืน และการปรับภาษีแบตเตอรี่ตามรอบชาร์จและความหนาแน่นพลังงาน ตลอดจนการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่แบบอัตราเดียว

“มีคำถามากมายถึงการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่แบบอัตราเดียว ซึ่งผมก็บอกไปว่า…จะต้องทำให้จบในรุ่นจองเราให้ได้ แต่ต้องทำไปพร้อมกับการปราบปราบที่เข้มข้นด้วย” ดร.พรชัย ย้ำ

นอกจากนี้กรมฯยังเดินหน้าพัฒนาบุคลากรให้เป็น “นักจัดเก็บภาษียุคใหม่” ที่มีทักษะรอบด้านทั้งกฎหมาย การเงิน เทคโนโลยี และดิจิทัล พร้อมส่งเสริมสุขภาวะของบุคลากรเพื่อเป็น “คนเก่ง ดี มีความสุข” ส่วนการยกระดับระบบดิจิทัลก้าวสู่ “องค์กรดิจิทัลสมรรถนะสูง” ดำเนินผ่านแพลตฟอร์มบริการสำคัญ เช่น D-License, e-Filing, e-Payment, My Tax Account และ Chatbot “น้องสมิตต์” รวมถึงระบบ Big Data เชื่อม 3 กรมภาษี ระบบความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และการพัฒนาทักษะดิจิทัลผ่านโรงเรียนสรรพสามิตออนไลน์

อธิบดีกรมสรรพสามิต ย้ำว่า ความท้าทายสำคัญของระบบภาษีสรรพสามิตคือการรักษาสมดุลระหว่าง “การควบคุมจำกัด” สำหรับสินค้าที่กระทบสุขภาพและสิ่งแวดล้อม กับ “การส่งเสริม” เศรษฐกิจที่ต้องเดินหน้าอย่างยั่งยืน จึงเชื่อมั่นว่าการผสาน Diamond of SMART EXCISE เข้ากับแนวคิด EXCISE EXerCISE และนโยบาย “ทำให้จริง ทำให้สำเร็จ” จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างมั่นคง โปร่งใส และได้รับความเชื่อมั่นจากผู้เสียภาษีและประชาชนในระยะยาว.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password