จบแล้ว! สันติภาพเขมร – ‘อนุทิน’ ฉีกปฏิญญา เมินทรัมป์ ย้ำ! ไทยเป็นเอกราช

“นายกฯอนุทิน” ลั่น “สันติภาพจบแล้ว!” หลังทหารไทยรายที่ 7 สูญเสียขาขวาจากทุ่นระเบิดของกัมพูชา บริเวณชายแดนศรีสะเกษ เผย! ที่ประชุม สมช. มีมติระงับปฏิบัติตามปฏิญญา 4 ข้อ ย้ำ! อธิปไตยไทยต้องมาก่อนทุกข้อตกลง ประกาศเดินหน้าอย่างอิสระ ไม่รายงาน -ไม่รอใคร ไทยต้องทำเพื่อประเทศ/คนไทยเท่านั้น
เช้าวันนี้ (11 พ.ย.2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล, นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็น ประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ครั้งที่ 14/2568 โดยมี รัฐมนตรีและผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าร่วมครบ เพื่อพิจารณาสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา หลังเกิดเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ
โดยที่ประชุมฯ ได้หารืออย่างเข้มข้นเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งถือเป็น การละเมิดอธิปไตยของไทยอย่างร้ายแรง นายกรัฐมนตรี ระบุว่า “ชีวิตของทหารไทยไม่มีใครมีสิทธิพรากไปในผืนแผ่นดินของเรา” และยืนยันว่า…เหตุนี้ไม่อาจยอมรับได้
ที่ประชุมฯ จึงมี มติเอกฉันท์ให้ “ระงับการปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพ 4 ข้อ” ที่ไทยและกัมพูชาเคยลงนามไว้ รวมถึงยุติการส่งเชลยศึกให้กัมพูชา ถือเป็นการยุติพันธกรณีทางการทูตทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงดังกล่าว
นอกจากนี้ สมช. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการประท้วงอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลกัมพูชา พร้อมจัดทำหนังสือชี้แจงถึงประเทศพันธมิตรและประชาคมโลกเพื่ออธิบายเหตุผลที่ไทยจำเป็นต้องระงับข้อตกลง โดยยืนยันว่า…
ทั้งหมดเป็นไปเพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของพลเมืองไทย ไม่ใช่การสร้างความตึงเครียด แต่คือการรักษาเกียรติและความชอบธรรมของชาติ
ภายหลังการประชุมฯ ในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปยังฐานปฏิบัติการอินทุมาน (ภูมะเขือ) อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และตรวจเยี่ยมพื้นที่ชายแดนที่เกิดเหตุทุ่นระเบิด โดยในเวลา 18.00 น. นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนด้วยน้ำเสียงมั่นคง ว่า…
“ประเทศไทยเป็นของเรา ผืนดินที่ผมยืนอยู่นี้คือประเทศไทย ไม่มีใครจะมาอ้างอธิปไตยเหนือเราได้อีกต่อไป”
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า “สิ่งที่เคยเป็นข้อตกลงเพื่อเดินหน้าสู่สันติภาพ มันจบลงแล้ว จากนี้ไปรัฐบาลไทยจะทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศของเราเอง ไม่จำเป็นต้องปรึกษาหรือขออนุญาตใคร”
พร้อมกับระบุด้วยว่า ตนได้หารือกับกองทัพและกระทรวงกลาโหมตั้งแต่ช่วงเช้า และได้ข้อสรุปชัดเจนในแนวทางปฏิบัติ ซึ่งรัฐบาลจะให้การสนับสนุนเต็มที่
“เราจะไม่ตอบคำถามเรื่องความมั่นคง เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องทำ ไม่ใช่พูด ประเทศไทยไม่เคยหย่อนยาน ไม่เคยยอมเสียเปรียบใคร และจะเป็นผู้กำหนดบทบาทของตัวเองเสมอ” นายอนุทิน ระบุ
เมื่อถูกถามว่า มาเลเซียอาจเสนอให้รื้อฟื้นการลงนามปฏิญญาสันติภาพอีกครั้ง นายกรัฐมนตรี ตอบสั้นๆ ว่า… “ไม่มีอะไรต้องรื้อฟื้น ข้อตกลงนั้นจบแล้ว เพราะคู่สัญญาไม่ได้ปฏิบัติตาม” พร้อมเปิดเผยว่า…การตรวจพื้นที่ครั้งนี้ทำให้ได้เห็นกับตาว่ ากัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่ในเขตแดนไทย
หนึ่งในนั้น ได้คร่าชีวิตทหารไทย “เราอดทนมาโดยตลอด เชื่อมั่นในคำมั่นระหว่างประเทศ แต่เมื่อเห็นความจริงด้วยตา เราก็ต้องยอมรับว่า มันจบแล้ว” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลไทยต้องรายงานเหตุการณ์นี้ต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หรือพันธมิตรใดหรือไม่?
นายกรัฐมนตรี ตอบอย่างแข็งกร้าวว่า “รีพอร์ตใคร? เราเป็นประเทศอธิปไตย ไม่ต้องรายงานใครทั้งนั้น ถ้ามีความจำเป็นต้องตอบ เราก็จะตอบ แต่ถ้าไม่ เราก็ไม่ต้องตอบ” พร้อมย้ำว่า…
การดำเนินงานทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนของกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารีที่อยู่ในพื้นที่
“วันนี้ ผมไม่ได้มาพูด แต่ผมมาเพื่อให้ภาพมันอธิบายตัวเอง สิ่งที่ผมเห็นด้วยตาคือคำตอบของทุกคำถาม เราจะรักษาอธิปไตย เกียรติยศ และเกียรติภูมิของประเทศนี้ ด้วยจิตใจของทหารและประชาชนไทยทุกคน” นายอนุทิน ย้ำหนักแน่น!
เมื่อถามถึงการให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ นายกรัฐมนตรี เพียงยิ้มและกล่าวสั้นๆ ว่า “ไม่ต้องใช้คำพูด แค่แรงบีบมือก็เข้าใจกันได้ เราจะยืนหยัดร่วมกันเพื่อผืนแผ่นดินนี้”
ก่อนจะเดินตรวจแนวชายแดนโดยมี ผู้บัญชาการทหารบกและแม่ทัพภาคที่ 2 ร่วมให้ข้อมูล
ทั้งนี้ การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีในวันนี้ สะท้อนจุดยืนของรัฐบาลอย่างชัดเจน ว่า ประเทศไทยจะไม่อยู่ในสภาพ “รอคำยินยอมจากใคร” อีกต่อไป แต่จะเดินหน้าด้วยอธิปไตยและศักดิ์ศรีของตนเอง
พร้อมใช้ “ทุกมาตรการ” ที่จำเป็นเพื่อปกป้องแผ่นดินไทย ไม่ว่า…จะต้องยืนเดี่ยว หรือเผชิญแรงกดดันจากภายนอกเพียงใด ก็ตาม.






