ทรัพย์สินทางปัญญา ดันไทยก้าวสู่ตลาดโลก หนุนใช้ ePCT ยื่นสิทธิบัตร 158 ประเทศ สกัด! ลอกเลียน – ลดต้นทุน – เพิ่มโอกาสแข่งขัน

กรมทรัพย์สินทางปัญญา– WIPO ผนึกจัดอบรมระบบ PCT หนุนผู้ประกอบการไทย ปลดล็อค! ศักยภาพนวัตกรรม แนะยื่นสิทธิบัตรต่างประเทศผ่าน ePCT ได้สะดวก–เร็ว–ลดค่าธรรมเนียม เผย! กว่า 80% ของคำขอสิทธิบัตรไทยใช้ช่องทางออนไลน์ มุ่งสู่เป้าหมาย 100% เพื่อขยายการคุ้มครองนวัตกรรมไทยทั่วโลก

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ระบบ PCT คือระบบอำนวยความสะดวกในการยื่นคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตรระหว่างประเทศ ภายใต้การกำกับดูแลของ องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) โดยผู้ที่ต้องการจดสิทธิบัตรในต่างประเทศสามารถยื่นคำขอเพียงครั้งเดียว แต่เลือกขอรับความคุ้มครองได้หลายประเทศ จากทั้งหมด 158 ประเทศที่เป็นภาคีสมาชิกสนธิสัญญา ซึ่งครอบคลุมตลาดสำคัญของไทย อาทิ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการยื่นคำขอ โดยไม่ต้องแยกจดทะเบียนทีละประเทศ
ทั้งนี้ สิทธิบัตรเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและนวัตกรรมของประเทศ ไม่เพียงช่วยปกป้องคุ้มครองผลงานสร้างสรรค์จากการลอกเลียนแบบ แต่ยังเป็นแรงจูงใจให้เกิดการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ สนับสนุนภาคอุตสาหกรรมของประเทศให้ก้าวหน้าและแข่งขันได้ในระดับสากล

โดยนับตั้งแต่ ไทยเข้าร่วมภาคีสนธิสัญญา PCT ในปี 2552 มีผู้ประกอบการไทยนำนวัตกรรมไปจดสิทธิบัตรในประเทศต่างๆ ผ่านระบบ PCT มากกว่า 1,100 คำขอ โดย 72% เป็นการยื่นจดทะเบียนในนามนิติบุคคล ซึ่งหน่วยงานไทยที่ยื่นขอจดสิทธิบัตรผ่านระบบ PCT มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) 2) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และ 3) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำหรับ ประเทศที่คนไทยยื่นขอจดสิทธิบัตรผ่านระบบ PCT มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) ญี่ปุ่น 2) สหภาพยุโรป และ 3) สหรัฐอเมริกา และ เทคโนโลยีที่คนไทยยื่นคำขอ PCT มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) เครื่องจักรกลไฟฟ้า อุปกรณ์ พลังงาน 2) เคมีแมคโครโมเลกุล พอลิเมอร์ และ 3) เคมีวัสดุพื้นฐาน ตามลำดับ

นางอรมน กล่าวอีกว่า การอบรม PCT ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างกรมกับ WIPO เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ นักประดิษฐ์ และหน่วยงานต่างๆ ของไทย ตระหนักถึงความสำคัญของการขอรับความคุ้มครองสิทธิบัตรในต่างประเทศผ่านระบบ PCT โดยมีผู้เชี่ยวชาญของ WIPO ร่วมเป็นวิทยากรให้คำแนะนำเกี่ยวกับกระบวนการจดทะเบียนและแนวทางการจัดทำคำขออย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้ ยังได้แนะนำบริการยื่นคำขอ PCT ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ePCT ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการยื่นคำขอทางออนไลน์ ซึ่งผู้ยื่นสามารถรับส่งเอกสารและติดตามสถานะความคืบหน้าของคำขอ PCT ได้ด้วยตนเอง สะดวกรวดเร็วทุกที่ทุกเวลา อีกทั้ง ยังได้รับส่วนลดค่าธรรมเนียมสูงสุดถึง 13,000 บาทต่อคำขอ โดยเป็น ความร่วมมือระหว่างกรมฯและ WIPO ที่จะสร้างแรงจูงใจและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยใช้บริการ ePCT มากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน มีผู้ประกอบการไทยยื่นคำขอผ่านช่องทาง ePCT กว่า 80% ของคำขอ PCT ทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของบริการที่ตอบโจทย์การใช้งานและช่วยสนับสนุนผลงานของผู้ประกอบการไทยให้ก้าวสู่เวทีสากลอย่างเป็นรูปธรรม
“กรมฯเชื่อมั่นว่า การอบรมในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมให้นักประดิษฐ์นักสร้างสรรค์ ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของไทย ตระหนักถึงข้อดีและหันมาใช้ประโยชน์จากระบบ PCT มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป้าหมายของกรมฯ คือ จะมุ่งผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยยื่นจดสิทธิบัตรในต่างประเทศผ่านช่องทาง ePCT ให้ได้ 100% และมีจำนวนคำขอ PCT ไม่น้อยกว่า 100 คำขอต่อปี เพื่อขยายขอบเขตการคุ้มครองนวัตกรรมของคนไทยในตลาดโลก เอื้อประโยชน์ให้การเจรจาถ่ายทอดเทคโนโลยีและการอนุญาตให้ใช้สิทธิในระดับนานาชาติทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การสร้างรายได้และการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน ต่อไป” อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวและว่า…
ทั้งนี้ การยื่นจดสิทธิบัตรผ่านระบบ PCT เป็นเพียงขั้นตอนแรกในการยื่นคำขอเท่านั้น การได้รับสิทธิบัตรหรือไม่ ยังคงขึ้นอยู่กับกฎหมายของแต่ละประเทศที่ขอรับความคุ้มครอง โดยผู้ยื่นจะมีเวลาเตรียมความพร้อมทางธุรกิจและการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ก่อนเข้าสู่กระบวนการจดทะเบียนในประเทศปลายทางอย่างเป็นทางการต่อไป
ปัจจุบัน ระบบ PCT ได้รับความนิยมทั่วโลก แต่ละปีมีผู้ยื่นคำขอ PCT มากกว่า 270,000 คำขอ ในจำนวนนี้มีคำขอที่ยื่นจดสิทธิบัตรในไทยประมาณปีละ 7,000 คำขอ หรือคิดเป็นร้อยละ 75 ของคำขอรับสิทธิบัตรในไทยทั้งหมด สำหรับประเทศที่ยื่นคำขอจดสิทธิบัตรในไทยผ่านระบบ PCT สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น ร้อยละ 37 สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 20 และ จีน ร้อยละ 12 ตามลำดับ.






