ทองคำ : ความกลัว


เมื่อโลกเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความไม่แน่นอน และความไม่ไว้วางใจต่อระบบเศรษฐกิจ! ทองคำจึงกลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง ไม่ใช่เพียงในฐานะ “โลหะมีค่า” หากแต่คือ “ที่พักแห่งศรัทธา” ของมนุษย์…ยามที่ความมั่นคงในหลายมิติกำลังสั่นคลอน!!??
ทุกครั้งที่ มนุษยชาติ เกิดความรู้สึก…ไม่ปลอยภัย หวาดกลัว และไม่เชื่อมั่นต่อสถานการณ์ใดๆ ในโลก ก็จะมีคนบางกลุ่ม? ระดับบุคคลธรรมดา ประเภทนักลงทุนทั่วไป ตั้งแต่ “รายย่อย” ยัน…ขาใหญ่ ระดับไซส์ “บิ๊กเบิ้ม” เรื่อยไปจนถึง…องค์กรนิติบุคคล และระดับรัฐบาล
ต่างหันมาหาพื้นที่ปลอดภัย หวังลดความเสี่ยงของทรัพย์สมบัติที่พวกเขาถือครองเป็นเจ้าของ หรือครอบครองในฐานะต้องถือไว้ “ตามกฎหมาย”
ทองคำ…คือ คำตอบสุดท้าย ของการลงทุนที่สุดแสนจะปลอดภัย และเป็นการลงทุนที่มีมานับพันปี อีกทั้งยังคงใช้การได้ดีในยุคปัจจุบัน และอนาคตข้างหน้า
โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่ เศรษฐกิจโลกกำลังสั่นคลอน จนความไม่แน่นอน…กลายเป็นเรื่องปกติ
มันจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ หากคนไทยและทั่วโลก…จะได้เห็น “ราคาทองคำ” พุ่งทะยานสวนทางขึ้นไปอย่างไม่หยุดยั้ง
ไม่รู้ว่า…จุดสิ้นสุด! จะไหลไปสู่จุดใด? และใช้เวลายาวนานแค่ไหน? กี่สัปดาห์? กี่เดือน? กี่ปี? หรืออาจมากกว่านั้น!!??
การพุ่งขึ้นของ “ราคาทองคำ” เสมือน…กระจกสะท้อนอารมณ์ของมนุษยชาติ เมื่อใด? ที่พวกเขาเกิดความกลัว ความกังวล หรือความไม่เชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจและการเมืองโลก…
เส้นกราฟทองคำ…ก็จะเปล่งประกายขึ้นมาทันที!!!
ทั้งนี้ สภาทองคำโลก (World Gold Council) ได้จัด 10 อันดับประเทศที่ถือครองทองคำสำรองมากที่สุดในโลก ข้อมูลล่าสุดในปี 2568 พบว่า…สหรัฐอเมริกา ถือครองมากสุดที่ 8,133.5 ตัน, เยอรมนี 3,359.1 ตัน, อิตาลี 2,451.8 ตัน, ฝรั่งเศส 2,436.4 ตัน, รัสเซีย 2,298.5 ตัน, จีน 2,113.4 ตัน, สวิตเซอร์แลนด์ 1,040 ตัน, ญี่ปุ่น 846 ตัน, อินเดีย 795 ตัน และ เนเธอร์แลนด์ 612.5 ตัน
ขณะที่ ประเทศไทย ถือครองทองคำสำรอง ติดอันดับที่ 22 ของโลกที่ 244.2 ตัน เป็น อันดับ 1 ในกลุ่มอาเซียน โดยมี สิงคโปร์ ตามมาเป็นอันดับที่ 2
หากย้อนหลับกลับไปดู “ราคาทองคำ” ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ถึงพัฒนาการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นของมัน จากราวๆ 444 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปี 2548 เป็นมากกว่า 4,000 ดอลลาร์ในปี 2568
โดยช่วงเวลานี้…ได้บันทึกเหตุการณ์สำคัญของโลก ไว้เกือบครบถ้วน ตั้งแต่…วิกฤตการเงินโลก ปี 2551 จนถึงโรคระบาดโควิด-19 และสงครามรัสเซีย–ยูเครน ในยุคปัจจุบัน
เมื่อแบ่งช่วงวัดผล ทุก 5 ปี จะเห็นว่า…ทองคำทำหน้าที่คล้าย “เครื่องวัดชีพจรแห่งความกลัว” ได้อย่างชัดเจน
ช่วงปี 2548–2552 ราคาพุ่งกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะนักลงทุนหนีตายจากตลาดหุ้นหลังฟองสบู่สินเชื่อซับไพรม์แตก
ช่วง 2553–2557 ราคาทองคำทรงตัว เพราะเศรษฐกิจเริ่มฟื้น
แต่ช่วง 2558–2562 กลับขยับขึ้นอีกกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ตามแรงกังวลจากสงครามการค้าและเศรษฐกิจจีนชะลอตัว
เข้าสู่ ช่วง 2563–2568 ราคาทองคำพุ่งขึ้นกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ จากแรงหนุนของวิกฤตโควิด-19 ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และเงินเฟ้อที่เรื้อรัง
ทุกครั้งที่ความมั่นใจของมนุษยชาติหายไป “ราคาทองคำ” ก็จะกลับมามีค่ามากขึ้นเสมอ!!!
ราคาทองคำในประเทศไทยเอง ก็สะท้อนแนวโน้มในทิศทางเดียวกัน โดย สมาคมค้าทองคำ คาดการณ์ ณ สิ้นปี 2568 หรืออีกกว่า 2 เดือนข้างหน้า ได้ประมาณการว่า ราคาทองคำในประเทศอาจแตะ 65,000 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งเมื่อคำนวณเทียบกับตลาดโลก (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนจริง ณ วันที่ 14 ต.ค. ที่ 32.55 บาทต่อดอลลาร์) น้ำหนักทองคำ 1 บาทเท่ากับ 0.4902 ออนซ์ จะเท่ากับราคาทองคำโลกประมาณ 4,080 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ตัวเลขนี้สะท้อนภาพชัดเจนว่า…“ราคาทองคำ” ไทย ไม่ได้ปรับขึ้นเพียงเพราะค่าเงินบาท แต่ยังเป็นผลจากแรงซื้อทองคำทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นทั้งจากนักลงทุนและธนาคารกลาง
ในภาพรวมระดับโลก สำนักวิเคราะห์ หลายแห่ง ยังคงมองบวกต่อราคาทองคำในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2568 ไปจนถึง 2570 โดย Krungsri คาดว่า… “ราคาทองคำ” ไทย อาจไปแตะ 65,000 บาท ภายใน 12–18 เดือน
ส่วน LiteFinance ประเมินว่า ราคาทองคำโลกปลายปี 2568 จะอยู่ในช่วง 4,034–4,289 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และปี 2569 อาจแตะ 4,210 ดอลลาร์
ขณะที่ บางสำนักวิเคราะห์เชื่อว่า…ในปี 2570 อาจเห็นราคาสูงถึง 5,000 ดอลลาร์ได้ หากปัจจัยหนุนยังอยู่ครบ ไม่ว่าจะเป็น…ความตึงเครียดระหว่างประเทศ แรงซื้อจากธนาคารกลาง หรือ แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)
นักวิเคราะห์ของ Mitrade และ Goldman Sachs ต่างมองว่า…แนวโน้มราคาทองคำในระยะกลางยังเป็น “ขาขึ้น” โดยเฉพาะหาก “รัฐบาลสหรัฐฯ” เริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินจริง…
สมาคมค้าทองคำ ให้ความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า แนวโน้มทองคำในประเทศยังอยู่ในภาวะขาขึ้น แม้จะมีแรงเทขายบางช่วง แต่โดยรวมตลาดยังมีแรงซื้อคงอยู่
จาก รายงานดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำเดือนสิงหาคม 2568 นั้น สมาคมค้าทองคำระบุว่า…อยู่ที่ 75.03 จุด
โดยมีผู้ตอบแบบสอบถาม 37% ระบุว่า…จะเข้าซื้อทองคำในเดือนดังกล่าว สะท้อนความคาดหวังว่า ราคายังมีโอกาสปรับขึ้นต่อ
ในขณะที่ ภาครัฐและหน่วยงานเศรษฐกิจไทย เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง และสภาพัฒน์ แม้จะไม่ได้แสดงความเห็นโดยตรงต่อ…ราคาทองคำ แต่ก็มีบทบาทใน…การติดตามอัตราแลกเปลี่ยน เงินทุนเคลื่อนย้าย และทุนสำรองระหว่างประเทศ
ทองคำ…จึงเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือรักษาเสถียรภาพในระบบการเงิน
แม้ไม่ได้ประกาศชัดว่า…เพิ่มสัดส่วนทองคำ!!!
แต่แนวโน้มโลกที่ธนาคารกลางเพิ่มการถือครองย่อมส่งสัญญาณถึงความระมัดระวังที่ไทยเองก็ไม่อาจละเลย
ในระดับนโยบายสูงสุด “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” ของรัฐบาล ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมวคลัง กล่าวถึง…ความจำเป็นของการดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทและการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์สำรองของประเทศ
แม้จะไม่เอ่ยถึงทองคำโดยตรง แต่การส่งเสริมความมั่นคงทางการคลังและการเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อเงินเฟ้อในระยะยาว ก็สอดคล้องกับแนวทางเดียวกับการถือครองทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศ
ด้วยเหตุผลเดียวกับรัฐบาลทั่วโลก??? นั่นเพราะ…ทองคำ คือ สินทรัพย์ที่ไม่ขึ้นอยู่กับระบบหนี้ของประเทศใดประเทศหนึ่ง และไม่เสื่อมค่าในภาวะเงินเฟ้อ!!!
ในเชิงจิตวิทยา ทองคำไม่เพียงเป็นสินทรัพย์แต่เป็น “สัญลักษณ์แห่งความเชื่อมั่นที่หายไป”
เมื่อโลกเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคที่เทคโนโลยี AI และเศรษฐกิจดิจิทัลครอบงำ มนุษย์กลับรู้สึกไม่มั่นคงในสิ่งที่จับต้องไม่ได้
ทองคำจึงกลับมาเป็นสิ่งที่ให้ความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยในมือ เพราะมันคือทรัพย์สินที่ไม่มีคำสัญญา แต่มีน้ำหนักจริง
ทุกครั้งที่โลกหวาดกลัว ผู้คนจึงเลือกกลับมาหามัน ไม่ว่าจะอยู่ในยุคสงครามหรือยุคข้อมูล
การพุ่งขึ้นของราคาทองคำในช่วง 2568–2570 จึงไม่ใช่เพียงเรื่องของผลตอบแทน แต่คือสัญญาณเตือนว่า…โลกกำลังเดินเข้าสู่ภาวะ “ไม่ปกติ” อีกครั้ง!!!
ความเชื่อมั่นต่อสกุลเงินหลัก อย่าง…ดอลลาร์สหรัฐ เริ่มสั่นคลอน หลายประเทศพยายามลดการพึ่งพาเงินสกุลเดียวในการค้าระหว่างประเทศ
ซึ่งก็ไม่ต่างจาก พันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มจะถูกหลายรัฐบาล โดยเฉพาะจีนและญี่ปุ่นทอาจจะเทขายทิ้ง พร้อมกับลดสัดส่วนการถือครองลงเรื่อยๆ
ในท่ามกลางที่ เศรษฐกิจโลก กำลังเผชิญปัญหา หนี้สาธารณะพุ่งสูง!!! และภาวะเงินเฟ้อที่ยังไม่คลี่คลาย เมื่อระบบที่ควรจะมั่นคงกลับกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนไม่ไว้วางใจ…
ทองคำจึงกลายเป็นตัวแทนของ “ความจริง” ในโลกที่เต็มไปด้วยตัวเลขและคำมั่นสัญญา
อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของทองคำ ไม่ควรถูกมองว่า…เป็นสัญญาณของสงครามใหญ่ที่ใกล้จะเกิดในระยะเวลาอันใกล้???
หากแต่เป็น…ภาพสะท้อนของความระแวงและการเตรียมพร้อมของมนุษยชาติในยุคที่ระบบเศรษฐกิจและการเมืองโลกกำลังปรับขั้ว
ทองคำทำหน้าที่เป็นเครื่องมือป้องกันความไม่แน่นอน มากกว่าจะเป็นประกาศสงคราม
และมันยังย้ำเตือนเราว่า…เมื่อใดที่โลกขาดความเชื่อใจ เพียงก้อนโลหะสีทองเล็ก ๆ ก็สามารถมีค่ามากกว่าคำมั่นของรัฐบาลทั้งโลกได้จริง
ดังนั้น ราคาทองคำที่พุ่งขึ้นจนแตะ 65,000 บาทในไทย หรือราว 4,080 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในตลาดโลก จึงไม่ใช่แค่ตัวเลขในกระดานซื้อขาย
แต่คือ “เสียงเตือนจากความกลัวของโลก” ที่ดังขึ้นอีกครั้ง!
เตือนให้ผู้คนหันกลับมาทบทวนว่า…ความมั่นคงที่แท้จริงอาจไม่ได้อยู่ที่ค่าเงินหรือระบบใด แต่อยู่ที่ความไว้วางใจซึ่งกันและกันของมนุษย์
เมื่อความเชื่อมั่นนั้นสั่นคลอน!!?? ทองคำ…จึงเปล่งประกายขึ้นทุกครั้ง!!! สิ่งนี้…เป็นไปเพื่อย้ำเตือนเราว่า…ความมั่งคั่งที่แท้จริงไม่ได้วัดด้วยตัวเลข แต่อยู่ในศรัทธาที่เรามีต่ออนาคต!!!
และเมื่อเสียงสะท้อนนั้น ดังไปถึงผู้คนทั่วไป คำถามสำคัญจึงเกิดขึ้นว่า… “ในช่วงที่ทองคำอยู่ในขาขึ้นแบบนี้ เราควรซื้อหรือไม่?”
สำหรับ คนทั่วไปที่มีเงินออมไม่มากนัก ทองคำยังคงเป็นทางเลือกการออมที่ปลอดภัยที่สุด
หากมองในระยะยาว การทยอยซื้อทองเดือนละเล็กน้อย….แบบสม่ำเสมอ เช่น เดือนละ 1–2 สลึง หรือผ่านแอปซื้อทองออนไลน์ ก็จะช่วยเฉลี่ยต้นทุนได้ดี โดยไม่ต้องกังวลกับความผันผวนในระยะสั้น
ทองคำ…อาจไม่ได้ให้ผลตอบแทนเร็ว แต่ให้ “ความมั่นใจ” ว่า…มูลค่าของมัน จะไม่หายไปไหน???
ส่วน ผู้ที่มีกำลังซื้อสูง หรือเป็นนักลงทุน ควรรมอง ทองคำ ในฐานะ “เครื่องมือกระจายความเสี่ยง” มากกว่าการเก็งกำไร
การกันเงินไว้ในทองคำ 10–20% ของพอร์ตลงทุน จะช่วยป้องกันความผันผวนจากตลาดหุ้น ค่าเงิน หรือเงินเฟ้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหาก ราคาทองคำขยับขึ้นแรงจนเกินแนวต้าน เช่น 70,000 บาท/บาททองคำ ก็ควรทยอยขายบางส่วน เพื่อทำกำไร แทนการจะถือเอาไว้ทั้งหมดจนสุดรอบ
ท้ายที่สุด…ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด? ก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุด คือ “เหตุผลของการถือทองคำ”
หากถือเพราะโลภ ทองคำก็จะกลายเป็นกับ “ดักราคา” แต่หากถือเพราะเข้าใจธรรมชาติของมัน ในฐานะทรัพย์สินที่สะท้อนความมั่นคงและศรัทธาในคุณค่าแท้จริง
ทองคำ…จะกลายเป็นเกราะป้องกันชั้นดีในยามที่โลกไร้เสถียรภาพ
ทองคำ…ไม่ได้สอนให้เรารวยเร็ว แต่มันเตือนให้เรารู้ว่า…“ความมั่นคง คือ สิ่งที่ต้องสร้างไว้ก่อนจะสาย”
และในยุคที่ ความไม่แน่นอน กลายเป็นเรื่องธรรมดา!!?? เสียงแผ่วเบาของ “โลหะสีทอง” ยังคงเตือนเราอยู่เสมอว่า…
ความมั่งคั่งที่แท้จริงนั้น…อยู่ในใจที่ไม่หวั่นไหวต่อความกลัวของโลก!!!.