ดีเดย์! 28 ต.ค.ที่ทำเนียบฯ ‘นายกฯคิกออฟ’ ร้านยา ‘สุขกาย สบายกระเป๋า’ เผย! ‘รพ. – ร้านขายยา’ เข้าร่วมเพียบ!

“อธิบดีกรมการค้าภายใน” ระบุ! มี “รพ. – ร้านขายยา” จ่อเข้าโครงการซื้อเองยานอกโรงพยาบาลจำนวนมาก ด้าน อย. พร้อมเปิดลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ 14 ต.ค.นี้ มั่นใจมีมากกว่า 2 พันแห่งเข้าร่วมโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” เผย! “นายกฯอนุทิน” เตรียมคิกออฟเปิดตัวโครงการ 28 ต.ค.นี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย ภายหลังการประชุมเรื่องร้านขายยาเพื่อเตรียมในการรองรับการซื้อยานอกโรงพยาบาลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สภาเภสัชกรรม สมาคมเภสัชกรรมชุมชน สมาคมผู้ประกอบการร้านยารวมใจไทย สมาคมร้านขายยา และ ผู้ประกอบการร้านขายยารายใหญ่ทั่วประเทศ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 10 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ มี 10 เครือข่ายโรงพยาบาล จาก 11 เครือข่ายโรงพยาบาล รวมจำนวนกว่า 300 แห่ง เข้าโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ขณะที่เครือข่ายร้านขายยาที่แสดงความจำนงค์เข้าโครงการแล้ว 11 แบรนด์ รวม 8 แอพพลิเคชั่น กว่า 1,600 แห่ง ที่จะให้การสนับสนุนโครงการนี้ เพื่อยกระดับระบบสุขภาพของประชาชนให้มีมาตรฐานเดียวกันกับโรงพยาบาลเอกชน และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านยาให้กับประชาชนในวงกว้าง และทุกฝ่ายจะจัดเตรียมให้พร้อมก่อนการเปิดตัวโครงการ (คิกออฟ) ในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ โดยนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ทำเนียบรัฐบาล

ทั้งนี้ ทาง อย. จะรับผิดชอบในการลงทะเบียนร้านขายยาที่จะเข้าโครงการ ที่ปัจจุบันมีทั่วประเทศกว่า 20,000 แห่ง พร้อมกันนี้จะมีการขบวนการติดตามผลการดำเนินการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และมีการติดตามทุกขั้นตอน ส่วนประเด็นอื่นๆ จะมีการประชุมหารือทุกฝ่ายต่อไป รวมถึงเพิ่มช่องทางให้ประชาชนได้สะดวกขึ้น เช่น ร่วมกับผู้ให้บริการจัดส่งสินค้าในราคาที่มีส่วนลด เป็นต้น

ด้าน เภสัชกรวราวุธ เสริมสินสิริ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน อย. กล่าวว่า อย.เปิดให้ลงทะเบียนและให้ผู้ประกอบการประเมินตนเองตามมาตรฐานที่กำหนด เพื่อเข้าโครงการ “ร้านยาสุขกาย สบายกระเป๋า” ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป เบื้องต้นคาดว่า ภายในวันที่ 28 ตุลาคมจะมีร้านขายยาเสมัครเข้าโครงการกว่า 2 พันแห่ง ทั้งนี้ คุณสมบัติร้านขายยาที่เข้าโครงการ ต้องเป็นร้านขายยาที่มีวิชาชีพเภสัชประจำ มีช่องทางการติดต่ออย่างชัดเจน มีการรับประกันตามใบสั่งยาของทางการแพทย์อย่างครบถ้วนและจัดยาให้ครบตามใบสั่งแพทย์ได้ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งการลงทะเบียนจะมีการทำแอพพลิเคชั่นสุขกาย สบายกระเป๋า เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนได้เช็คข้อมูลว่ามีร้านขายยาที่ใดบ้าง และมีช่องทางติดต่อกันอย่างไร

ทั้งนี้ ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการจะต้องให้บริการทั้งแบบออนไซต์และเทเลฟาร์มาซี (Telepharmacy) โดยเภสัชกรวิชาชีพที่เป็นสมาชิกของสภาเภสัชกรรม ซึ่งสภาฯ จะเป็นผู้กำกับดูแลขั้นตอนการให้บริการ และอยู่ระหว่างการพัฒนาแพลตฟอร์มกลางและแอปพลิเคชันร่วมกับ อย. เพื่อให้ประชาชนสามารถค้นหาตำแหน่ง ร้านยา “สุขกาย สบายกระเป๋า” ใกล้บ้านได้ รวมถึงสามารถ ปรึกษาเภสัชกรผ่านช่องทางออนไลน์ และส่งใบสั่งยาเพื่อรับคำแนะนำได้โดยตรง ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการนี้ จะต้องมีมาตรฐานด้านคุณภาพและความปลอดภัยเทียบเท่ากับโรงพยาบาลเอกชน ทั้งในกระบวนการจัดเก็บยา การให้บริการ และการให้คำปรึกษา โดยประชาชนสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับยาคุณภาพในราคาที่เหมาะสม
สำหรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการลงร้านยาแนะนำ มีดังนี้…
1. สมัครใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการกับ อย.
2. เป็นร้านยาคุณภาพ สภาเภสัชกรรม หรือร้านยาที่เป็นสมาชิกของสมาคมวิชาชีพ ได้แก่ สมาคมเภสัชกรรมชุมชน สมาคมร้านขายยา และสมาคมผู้ประกอบการร้านยารวมใจไทย
3. มีช่องทางการติดต่อประสานงานสำหรับผู้มารับบริการ เพื่อตรวจสอบยืนยัน รายการ จํานวน และราคายาได้ เช่น โทรศัพท์, ID LINE โปรแกรมประยุกต์ ด้านการสื่อสารต่างๆ, Telepharmacy
4. มีความพร้อมในการจัดหายาให้ครบถ้วนตามใบสั่งยาภายใน 24 ชั่วโมง หรือตามที่ผู้ป่วยให้ความ เห็นชอบ
5. จัดบริการตามมาตรฐานวิชาชีพเภสัชกรรมที่กำหนด
และ 6. พร้อมติดต่อประสานงานโรงพยาบาลผู้ออกใบสั่งยาได้ตลอดเวลาให้บริการ หรือกรณีที่มีเหตุจำเป็น
นอกจากนั้น ยังจะมีแอปพลิเคชันร้านขายยาอื่นๆ เข้าร่วมด้วย เบื้องต้น มีผู้ให้บริการจำหน่ายยาที่แสดงความจำนงค์ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ (Applications) เข้าร่วมแล้ว 11 แบรนด์ ได้แก่ 1. Pharmax 2. Icare 3. Super Drug 4.Fascino 5. Save Drug 6. Pure Pharmacy 7. eXta Plus 8. Tops Care 9. Boots 10. ร้านอาโลตัส 11. ร้านยากรุงเทพ
นอกจากนี้ ร้านขายยา 8 แอปพลิเคชัน ได้แก่ 1. TELEHEALTH 2. ร้านยากรุงเทพ 3. ยาพร้อม 4. All Pharmacy 5. PharmCare 6. BeDee 7. AskMacy by Fascino 8. BIGYA
โดยมีเภสัชกรประจำให้คำปรึกษาแนะนำอย่างใกล้ชิด ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องว่าโครงการนี้จะเป็นการยกระดับระบบสุขภาพของประชาชนให้มีมาตรฐานเดียวกันกับโรงพยาบาลเอกชน และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านยาให้กับประชาชนในวงกว้าง
ส่วน นายปรีชา พันธุ์ติเวช นายกสภาเภสัชกรรม กล่าวว่า สำหรับมาตรฐานความปลอดภัยในการใช้ยา ยืนยันว่า จะมีเภสัชกรให้คำแนะนำในการใช้ยาอย่างถูกต้อง ดังนั้น ให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า ถึงแม้จะรับยาที่ร้านยา แต่การบริการก็ยังเป็นเภสัชกร ซึ่งสามารถให้คำแนะนำเรื่อง ยาสามารถติดตามอาการ และหากมีปัญหาในการใช้ยาก็สามารถปรึกษาเภสัชกรได้.