หน่อมแน้ม!!!

แม้คนไทยจะได้บางอย่าง? จากวงประชุมนัดแรกของ “สมช.” ยุค “รัฐบาลอนุทิน” กับมติสร้าง “รั้ว/กำแพง” กั้นพรมแดนไทย–กัมพูชา กระนั้น การจะไม่ไล่คนกัมพูชาออกจากดินแดนอธิปไตยของไทย ด้วยเหตุผลที่ “นายกฯอนุทิน” ให้ไว้…“ไม่ใช้กำลังกับประชาชนชาวกัมพูชา” สิ่งนี้…ก็ไม่ต่างจาก “พาดหัวข่าว” ข้างต้นสักเท่าใด???

(หมายเหตุ : หน่อมแน้ม : วิกิพจนานุกรม ระบุว่า…หมายถึง พฤติกรรมที่ อ่อนแอ ไม่สู้ใคร, แหย, ทำอะไรไม่เป็น ท่าทางอ่อนแอ หรือ หมายถึง ไม่จริงจัง ไม่เด็ดขาด โดยมักใช้ในเชิงลบ)

สังคมไทย…ต่างเฝ้าจับตามองการประชุม “นัดแรก” ของ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธาน เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 ตุลาคม 2568 โดยเฉพาะประเด็นข้อพิพาทเรื่องพรมแดนและที่ดินของไทย ซึ่งถูกชาวกัมพูชาเข้ามาครอบครองโดยผิดกฎหมายมายาวนานถึง 40 ปี

เท่าที่ตรวจเช็ค…สาระของการประชุมครั้งนี้ ครอบคลุมถึงประเด็นสำคัญๆ ดังนี้…

ประเด็น การสร้างรั้วหรือกำแพงชายแดนไทย–กัมพูชาที่ประชุมฯ เห็นชอบในหลักการให้ดำเนินการ “กรอบ” การสร้างรั้วตามแนวเขตชายแดนไทย–กัมพูชา

ประเด็น การคงมาตรการชายแดนเดิม “ปิดด่าน” รวมถึงมาตรการทางการทหารอื่นๆที่ประชุมฯเห็นชอบให้คงมาตรการทางทหารและมาตรการปิดจุดผ่านแดนชายแดนเอาไว้ตามมติเดิม

ประเด็น การกำหนดให้ชาวกัมพูชา ที่ลักลอบเข้ามาอาศัยออกจากพื้นที่ “บ้านหนองจาน – หนองหญ้าแก้ว” จ.สระแก้ว…แม้ก่อนหน้านี้ กองทัพ ได้กำหนดเส้นตายให้ทางฝั่งกัมพูชา ต้องทำแผนขนย้ายประชาชนของตน ออกจากบริเวณพื้นที่ดักงล่าว ขีดเส้นตายเอาไว้ว่า…ภายในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ ทุกอย่างจะเห็นชัดเป็นรูปธรรม

กระนั้น ประเด็นนี้ ก็มีเหตุผลจาก นายกฯอนุทิน ที่ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวว่า…“ฝ่ายไทยจะดำเนินการโดยใช้กฎหมายที่ถูกต้อง ภายใต้การคำนึงถึง “หลักมนุษยธรรม” และไม่อยากใช้ “กำลัง” กับประชาชนทั่วไป (ชาวกัมพูชา) เพราะคนเหล่านี้ไม่ใช่ทหาร แต่จะหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด สระแก้ว และกระทรวงมหาดไทย”

ประเด็น การตั้งประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC) ฝ่ายไทย…โดย สมช. มีมติให้มีการแต่งตั้งประธาน JBC ฝ่ายไทยคนใหม่ เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องชายแดนไทย–กัมพูชา

ประเด็น บทบาทของกระทรวงต่างประเทศ และการทูตคู่ขนาน…ที่ประชุมฯ ยังคงย้ำว่า…แนวทางทางการทูตเป็นเครื่องมือสำคัญ ส่วนกรณีที่สื่อของสหรัฐฯ นำเสนอข่าวทางการจีนขนอาวุธไปให้กัมพูชานั้น เรื่องนี้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ จะเข้าไปคุยกับสถานทูตจีนเอง

ประเด็น MOU 43/44 รวมถึงแผนที่และแผนทางเทคนิค…แม้จะมีรายงานข่าวที่ระบุว่า กองทัพและผู้บังคับบัญชา ไม่มีท่าทีขัดแย้งต่อประเด็น MOU 43/44 แต่กับประเด็นเรื่องแผนที่ ยังไม่คำตอบที่น่าพอใจ กระนั้น เรื่องนี้…ก็มี “เจ้ากรมแผนที่ทหาร” เป็นผู้ดูแลในเชิงเทคนิคอยู่แล้ว

ส่วนประเด็น งบประมาณ และการสนับสนุนกองทัพ…เรื่องนี้ รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนด้านงบประมาณแก่กองทัพกว่า 800 ล้านบาท เพื่อเสริมสร้างความพร้อมในการปกป้องแผ่นดินไทย ตามที่แถลงหลังการประชุม ครม. ก่อนหน้านี้

สำหรับประเด็น การดูแลผลกระทบต่อประชาชน และมาตรการเยียวยา

จากข้อมูลเบื้องต้น แม้จะไม่ได้ครบทั้ง 100% แต่มติสำคัญๆ โดยเฉพาะ ความเห็นชอบของที่ประชุม สมช. ต่อหลักการในการสร้างรั้วกั้นแนวชายแดนไทย–กัมพูชา เพื่อยุติความไม่มั่นคงที่ลากยาวมานาน

สิ่งนี้…ย่อมสร้างความรู้สึกพึงพอใจของประชาชนในพื้นที่บริเวณชายแดนฯ รวมถึงคนไทยส่วนใหญ่

เนื่องจาก การรุกล้ำอธิปไตยของไทย นำมาซึ่งปัญหาหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น…ปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และการบุกรุกพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งนับเป็นภัยต่อความมั่นคงของไทย มาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง

ส่วนประเด็นที่ “ผู้นำรัฐบาล” พูดเอาไว้ว่า…“ฝ่ายไทยจะไม่ใช้กำลังกับประชาชนกัมพูชา” นั้น

ฟังเผินๆ เหมือนจะดี??? เพราะมันเป็นทั้ง…คำมั่นและเส้นตายเชิงจริยธรรม! ที่ถูกส่งต่อไปยัง….ประชาชนชาวกัมพูชา หน่วยงานภาครัฐ กองทัพ และรัฐบาลกัมพูชา

เป็นการตัดสินใจใน “โทน” ความเข้มงวด แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความระมัดระวังของฝั่งไทย!!!

แต่ในความเป็นจริงแล้ว…คำพูดของ “นายกฯอนุทิน” ทำเอาคนไทยอีกหลายคน เกิดอาการ เจ็บจุก! ในความรู้สึก???

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม คนเหล่านี้…หลบหนีเข้าไทย บุกรุกและยึดครองดินแดนไทย มาเป็นเวลานาน ทั้งที่ ทางการไทยเอง…ก็ได้ทำหนังสือประท้วงไปยังฝ่ายกัมพูชา มานับครั้งไม่ถ้วน

แต่พวกเขา ก็ทำเป็น หูทวนลม” ไม่รู้ไม่ชี้!

จำเป็นที่ฝ่ายไทยจะต้องเล่นบทแข็ง! งัดเอา กฎหมายไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ มาบังคับใช้!!! เพื่อให้ ชาวกัมพูชา ที่แอบลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายและบุกรุกแผ่นดินไทยออกไปจากพื้นที่ของคนไทย ตามเส้นตายและเงื่อนไขที่มี…

ไม่ใช่ “หน่อมแน้ม” ด้วยเหตุผลที่คนไทย…รับไม่ได้เช่นนี้!!!

เรื่องนี้… “นายกฯอนุทิน” จะต้องให้ความสำคัญกับความรู้สึกของไทย มากกว่าพวกต่างชาติ!!??

และหากได้ฟังเสียงของพี่น้องประชาชน ที่พักอาศัยบริเวณชายแดน จะยิ่งชัด! เกือบทั้งหมด…ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกัน ในทำนอง…

“ยอมเจ็บ (จากภัยสงคราม) แต่ขอให้จบในรุ่นเรา” ก็ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกว่า…การตัดสินในที่ประชุม สมช. ของ “ผู้นำไทย” …

ได้ทำร้ายจิตใจของคนไทยบริเวณชายแดนยิ่งนัก!!!

คนเหล่านี้ เห็นและเชื่อเหมือนที่ ผู้นำเหล่าทัพ เชื่อและแสดงความคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้ นั่นคือ…

“กัมพูชาต้องสิ้นสุดความเป็นภัยคุกคามต่อไทย” เสียก่อน…ฝ่ายไทย ถึงจะหยุดปฏิบัติการทางการทหาร พร้อมกันนี้ คนไทยบริเวณชายแดน พร้อมร่วมลงขัน หากรัฐบาลไทย จะเดินหน้าสร้างกำแพงกั้นพรมแดนไทย-กัมพูชา

ไม่ต่างจากที่ก่อนหน้านี้ ก็มีการจัดตั้ง กองทุนหทัยทิพย์ เพื่อสนับสนุนการสร้างกำแพงชายแดน ไทย–กัมพูชา โดยที่ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ กรมพระศรีสวางควัฒนฯ ทรงพระราชทานเงินส่วนพระองค์ 1 ล้านบาท เป็นทุนประเดิม…

ว่ากันว่า…เพียงไม่ถึง 20 วัน ภายหลังการจัดตั้งกองทุนฯดังกล่าว ก็มีประชาชนคนไทย ร่วมบริจาครวมกันแล้ว มากกว่า 100 ล้านบาท

คาดหมายกันว่า…จะมีเงินบริจาคไหลเข้า กองทุนหทัยทิพย์ อย่างต่อเนื่อง

แม้เงินส่วนนี้ จะมีไม่มากพอ เมื่อเทียบกับงบประมาณจริง ที่จะต้องใช้สร้างรั้วหรือกำแพงกั้นพรมแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา

กระนั้น สิ่งนี้…ได้มันสะท้อน พลังความต้องการที่แท้จริง! ของคนไทย ว่า…

พวกเรา (คนไทย) ต้องการอะไร??? สำหรับความสัมพันธ์กับประเทศข้างบ้าน อย่าง…กัมพูชา!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password