‘ผยง’ ชี้! เศรษฐกิจไทยเจอพิษ 3 ด้าน แนะ 5 แนว พลิกอนาคตด้วยพลวัตใหม่ Reinvent Thailand

“ประธานสมาคมธนาคารไทย – เอ็มดี.ใหญ่แบงก์กรุวไทย” ชี้! เศรษฐกิจไทยระยะข้างหน้า เผชิญความท้าทาย 3 ด้าน “ความเปราะบางเชิงโครงสร้าง – ขาดความสามารถแข่งขันในโลใหม่ – กฎระเบียบของรัฐมีมากเกินไป” ชู 5 แนวทาง พลิกอนาคตเศรษฐกิจไทย ด้วยพลวัตใหม่ ภายใต้แนวคิด “Reinvent Thailand”

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ร่วมงานสัมมนา “ประเทศไทยต้องรอด SAVE THAILAND: Restore • Reframe • Rise” จัดโดย สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า โดยนำเสนอ มุมมองการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ภายใต้หัวข้อ “ฝ่าวิกฤต พลิกอนาคตเศรษฐกิจไทย ด้วยพลวัตใหม่” เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568
นายผยง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า เผชิญความท้าทายใน 3 ด้าน คือ 1. ความเปราะบางเชิงโครงสร้าง โดยประเทศไทยยังมี เศรษฐกิจนอกระบบสูงเป็นลำดับต้นๆ ในเอเชียที่ราว 48% ของ GDP ทำให้รัฐจัดเก็บภาษีได้จำกัดและส่งเสริมการพัฒนาได้ไม่ทั่วถึง อีกทั้ง หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง เมื่อรวมหนี้นอกระบบ เกิน 100% ของ GDP ขณะที่ ข้อมูลหนี้ในระบบไม่สมบูรณ์ บางส่วนยังไม่มีอยู่ในฐานข้อมูลเครดิตของ NCB

2.ขาดความสามารถในการแข่งขันในโลกใหม่ โดย เศรษฐกิจไทยเติบโตตามหลังประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เงินไทยไหลออกไปลงทุนในต่างประเทศต่อเนื่อง ขณะที่ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน 3.ความท้าทายของภาครัฐ กฎระเบียบจำนวนมากถึงกว่า 100,000 ฉบับ บางส่วนล้าสมัยและซ้ำซ้อน อีกทั้ง ข้อมูลของภาครัฐยังไม่เชื่อมโยงกัน
ทั้งนี้ Reinvent Thailand เน้นการมีส่วนร่วม โดยภาคเอกชนเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อน ภาคการเงินช่วยจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ภาครัฐสนับสนุนและสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการปรับตัว โดยการทำงานของ แพลตฟอร์ม Reinvent Thailand เริ่มจากการมีการระบุปัญหาที่ชัดเจน เรียงลำดับความสำคัญ โดยเน้นเรื่องที่มีผลลัพธ์สูง (High impact) พร้อมกำหนดเจ้าภาพที่ชัดเจน เพื่อให้ทุกฝ่ายมี Commitment ร่วมกัน ในการขับเคลื่อน สร้างพื้นที่การมีส่วนร่วมครบทุกขั้นตอนแบบ End-to-End ใช้ Data-driven policy โดยอาศัยข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำเป็นหลัก

ขณะเดียวกันยังต้อง สร้างแรงจูงใจที่ถูกต้องภายใต้หลัก “ทำดี ได้ดี” เพื่อให้เกิดการปรับตัวของภาคธุรกิจและประชาชน และ สุดท้ายต้องมุ่งเน้น Result Oriented โดยติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่องด้วย KPI ที่ชัดเจน ทั้งนี้ ควรให้ความสำคัญกับ 5 อุตสาหกรรมที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจก่อให้เกิดการจ้างงานและยกระดับรายได้ครัวเรือน ประกอบด้วย อุตสาหกรรมท่องเที่ยว เกษตรและอาหาร ยานยนต์ Medical & Wellness และ Smart Electronic
นายผยง ยังกล่าวอีกว่า สมาคมธนาคารไทยได้นำเสนอ 5 แนวทางในการเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างเป็นรูปธรรม ต่อนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในโอกาสที่ไปแลกเปลี่ยนมุมมองกับสมาคมธนาคารไทย ประกอบด้วย…
1.ผันเศรษฐกิจนอกระบบเข้าในระบบ ทำให้ การเข้าสู่ระบบสะดวก ลดขั้นตอน เอกสาร และกฎหมายที่เป็นอุปสรรค ซึ่ง ระบบของภาครัฐต้องเชื่อมโยงกัน ไม่ซ้ำซ้อน พร้อมทั้ง ให้แรงจูงใจ ลดความกังวลภาระภาษีย้อนหลัง และเปิดโอกาสให้เข้าถึงความช่วยเหลือจากภาครัฐ

2.แก้ปัญหาหนี้ ผลักดันให้เจ้าหนี้ทุกรายส่งข้อมูลเข้าสู่ ฐานข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เพื่อสร้าง National Credit Score และ แยกกลุ่มลูกหนี้ตามศักยภาพ ได้แก่ จมน้ำ ปริ่มน้ำ และพ้นน้ำ เพื่อให้การช่วยเหลือเหมาะสม รวมถึงการเพิ่มเครื่องมือ AMC ภายใต้หลักการรักษาความเป็นธรรมของข้อมูลตาม PDPA
3.ยกระดับรายได้ครัวเรือน ส่งเสริมการพัฒนาทักษะแรงงานไทยและยกระดับรายได้ผ่านการจ่ายค่าตอบแทนตามทักษะ (Right Skill, Right Compensation) ควบคู่กับ การปรับปรุงสวัสดิการให้เพียงพอต่อการดำรงชีวิตอย่างเหมาะสม
4.ผลักดันการลงทุนในประเทศ ดึงดูด FDI และการลงทุนด้านเทคโนโลยี เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศ พร้อม ยกระดับ Local Content โดยมีแรงจูงใจที่ชัดเจน และ เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจท้องถิ่นโดยเฉพาะ รายเล็ก เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย
5.เติมเครื่องมือช่วย SMEs ผลักดันการยกระดับ Operating Model ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) โดยไม่จำเป็นต้องสร้างองค์กรใหม่ พร้อมสนับสนุน การใช้ PromptBiz เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ SMEs.
