‘รมว.พาณิชย์’ ร่วมมุทิตาจิต ‘93 ขรก.พาณิชย์’ วัยเกษียณ ชี้! ทำงานเพื่อปากท้องคนไทย

“ศุภจี” ร่วมแสดงมุทิตาจิต “93 ข้าราชการพาณิชย์” สู่วัยเกษียณ ปี 2568 พร้อมแสดงขอบคุณที่อุทิศตนฝากผลงานและความประทับใจ ทำงานเพื่อเศรษฐกิจปากท้องประชาชน

วันนี้ (26 กันยายน 2568) ณ ห้องประชุมบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 กระทรวงพาณิชย์, นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานใน พิธีมุทิตาจิตเนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการ ประจำปี 2568 แด่ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ จำนวน 93 คน
นางศุภจี กล่าวว่า วันแรกที่ได้เข้ามากระทรวงพาณิชย์ ก็เป็นวันเดียวกับที่พี่ๆ ข้าราชการทั้ง 93 ท่านจะเกษียณอายุราชการ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่น่าเสียดาย แต่ถือเป็นวาระสำคัญที่ทุกคนได้มาร่วมแสดงมุทิตาจิตต่อผู้ที่ได้อุทิศกำลังกาย กำลังใจ และความรู้ความสามารถ เพื่อกระทรวงพาณิชย์และประเทศชาติด้วยความทุ่มเทมาอย่างยาวนาน

“การเป็นข้าราชการเป็นเกียรติและเป็นความใฝ่ฝันตั้งแต่วัยเยาว์ เพราะได้มีโอกาสทำประโยชน์แก่ประเทศและพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญที่ดูแลเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน ดิฉันขอกราบขอบพระคุณข้าราชการทั้ง 93 ท่าน ที่ได้ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถและฝากความประทับใจไว้แก่เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องทุกคน” นางศุภจี กล่าวและเพิ่มเติมว่า…

มีถ้อยคำที่ตนชื่นชอบเป็นพิเศษจาก ดร.มายา แองเจลู นักเขียนชาวอเมริกัน ซึ่งกล่าวไว้ว่า “People will forget what you said, people will forget what you did, but people will never forget how you made them feel” (ผู้คนอาจลืมสิ่งที่ท่านพูด อาจลืมสิ่งที่ท่านทำ แต่จะไม่มีวันลืมความรู้สึกที่ท่านได้สร้างไว้) ซึ่ง สะท้อนถึงร่องรอยแห่งความดีงามและความผูกพันที่ข้าราชการทั้ง 93 ท่านได้ฝากไว้ในใจของชาวกระทรวงพาณิชย์อย่างไม่เสื่อมคลาย

“แม้วันนี้ท่านทั้งหลายจะเกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่ความเป็นข้าราชการพาณิชย์จะยังคงอยู่ในหัวใจของท่านเสมอ ดิฉันและเพื่อนข้าราชการทุกคนขอกราบอัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกท่านเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลให้ทุกท่านมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่แข็งแรง มีความสุขสมหวังในสิ่งที่ตั้งใจ และยังคงได้ทำคุณประโยชน์แก่สังคมในวิถีทางใหม่ต่อไป” รมว.พาณิชย์ ย้ำ
ในโอกาสนี้ นางศุภจี ยังได้มอบของที่ระลึกส่วนตัวแก่ผู้เกษียณอายุราชการ ประกอบด้วย “พระ ภปร.” จากสภากาชาดไทย ซึ่ง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นประธานในพิธี และเข็มที่ระลึกซึ่งได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระสังฆราช เพื่อเป็นสิริมงคล ด้วย.