DITP เผย! ชาวมะกันนิยมเลี้ยงสัตว์ 94 ล้านครัวเรือน ชี้! ไทยมีโอกาสขายผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เผย! สำรวจตลาดสินค้าผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ พบเติบโตขึ้นต่อเนื่อง หลังชาวอเมริกันนิยมเลี้ยงสัตว์เพิ่มมากขึ้น แถมได้รับผลดีจากแรงเชียร์ของ Petfluencer เจ้าของสัตว์เลี้ยงช่วยโปรโมตสินค้า ชี้เป้า! โอกาสสินค้าส่งออก คือ ปลอกคอ สายจูง ที่นอน ของเล่น กรง และอุปกรณ์ให้อาหาร แต่ต้องเน้นสินค้าที่มีนวัตกรรม ใช้งานได้จริง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แนะใช้ช่องทางออนไลน์ทำตลาด

น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯได้มอบนโยบายให้ “ทูตพาณิชย์” ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทำการสำรวจลู่ทางการค้า และโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ล่าสุด ได้รับรายงานจาก น.ส.เกษสุรีย์ วิจารณกรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ สหรัฐอเมริกา ถึงแนวโน้มการเติบโตของการเลี้ยงสัตว์ และตลาดสินค้าผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ ที่กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โอกาสและช่องทางในการส่งออกสินค้าของไทยไปขาย

โดย “ทูตพาณิชย์” ได้รายงานว่า ปัจจุบันครัวเรือนในสหรัฐฯ เกือบ 94 ล้านครัวเรือน มีสัตว์เลี้ยงอย่างน้อย 1 ตัว โดย สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมสูงสุด มีประมาณ 65 ล้านครัวเรือนเป็นเจ้าของ รองลงมา คือ แมว ส่วน สัตว์เลี้ยงประเภทอื่น เช่น ปลา สัตว์ขนาดเล็ก สัตว์เลื้อยคลาน และนก โดยกลุ่มมิลเลนเนียลเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงมากที่สุด และนิยมผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงที่ยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถใช้ได้ง่ายหรือมีเทคโนโลยีช่วยให้ใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้สะดวกมากขึ้น 

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่ช่วยเพิ่มมูลค่าตลาดสินค้าผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ คือ สื่อสังคมออนไลน์ อาทิ Instagram และ TikTok มีบทบาทสำคัญในการสร้างกระแสสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง โดย Petfluencer หรือผู้มีอิทธิพลทางโซเชียลที่เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยง ช่วยโปรโมตสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดย แบรนด์ต่างๆ มักร่วมมือกับผู้มีอิทธิพลเหล่านี้ เพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ เช่น แบรนด์ค้าปลีกสัตว์เลี้ยงชั้นนำ PetSmart ร่วมมือกับ Petfluencer เพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ผ่านคอนเทนต์ที่ดูจริงใจและเป็นธรรมชาติ เข้าถึงชุมชนเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง

สำหรับช่องทางการจัดจำหน่าย ช่องทางร้านค้าปลีกแบบหน้าร้าน ยังคงเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายหลัก คิดเป็นสัดส่วน 81.44% เนื่องจาก ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการได้สัมผัสสินค้าโดยตรง โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องพิจารณาขนาด ความทนทาน หรือคุณภาพ เช่น ของเล่น กรง สายจูง และการพาสัตว์เลี้ยงมาทดลองสินค้าในร้านก็ช่วยเพิ่มประสบการณ์และความมั่นใจในการซื้อให้แก่ผู้ซื้ออีกด้วย และ ผู้ซื้อส่วนใหญ่ยังให้ความไว้วางใจในร้านค้าปลีกที่ไปเป็นประจำ ชื่นชมในความจริงใจของผลิตภัณฑ์และคำแนะนำส่วนบุคคลที่ได้รับจากพนักงานขายในร้าน และการช้อปปิ้งด้วยตนเองยังช่วยลดโอกาสในการส่งคืนสินค้า เนื่องจากผู้บริโภคสามารถประเมินผลิตภัณฑ์ได้ด้วยตนเองก่อนซื้อ

ส่วน ช่องทางออนไลน์ คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 6.4% ต่อปี (ระหว่างปี 2025–2030) โดย โมเดลธุรกิจแบบสมัครสมาชิก ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เช่น การบริการจัดส่งอาหารและอุปกรณ์ถึงบ้านเป็นประจำ ช่วยลดภาระการเดินทางและสร้างความผูกพันระยะยาวระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์

น.ส.สุนันทา กล่าวด้งยว่า จากการเติบโตของผู้บริโภคที่นิยมเลี้ยงสัตว์ และความต้องการสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงดังกล่าว เป็นโอกาสในการผลิตและส่งออกสินค้าไทยไปขาย เช่น ปลอกคอ สายจูง ที่นอน ของเล่น กรง และอุปกรณ์ให้อาหาร โดยสินค้าต้องมุ่งเน้นนวัตกรรมและการออกแบบที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง เพราะผู้บริโภคในสหรัฐฯ มองหาสินค้าที่ทั้งสวยงามและใช้งานได้จริง เช่น ของเล่นที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการสัตว์เลี้ยง ปลอกคอที่มีระบบ GPS หรือคอนโดแมวที่สามารถวางในพื้นที่จำกัดได้อย่างลงตัว ทั้งยังควรตอบโจทย์ความสะดวกในการจัดเก็บหรือเคลื่อนย้าย

ขณะเดียวกัน ต้องใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะผู้บริโภคชาวอเมริกัน โดยเฉพาะกลุ่มมิลเลนเนียลและเจน Z ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของสินค้า การเลือกใช้วัสดุรีไซเคิล วัสดุจากธรรมชาติ เช่น เส้นใยกัญชง หรือเส้นใยจากพืช ตลอดจนบรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ รวมทั้งต้องปรับสินค้าให้ตรงตามมาตรฐานและความต้องการของตลาด เช่น ปราศจากสารตกค้าง พลาสติกปลอดสาร BPA และผ่านมาตรฐานต่าง ๆ อาทิ EPA (สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม) ASTM (มาตรฐานการทดสอบวัสดุ) และ CPSIA (กฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าเด็กและสัตว์เลี้ยง) อีกทั้ง ควรแปลฉลากสินค้าและข้อมูลโฆษณาให้ถูกต้อง ชัดเจน และน่าเชื่อถือ

ส่วน การทำตลาด ควรใช้ช่องทางออนไลน์และ Petfluencer เพราะการซื้อสินค้าอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงผ่านออนไลน์ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ที่รับอิทธิพลจากสื่อสังคมออนไลน์การใช้กลยุทธ์ร่วมมือกับผู้มีอิทธิพลในวงการสัตว์เลี้ยง บน Instagram หรือ TikTok จะช่วยขยายฐานผู้รู้จักสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password